วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ควบคุมการระบาดของหนอนหน้าแมวปาล์มน้ำมันด้วยสมุนไพรและจุลินทรีย์ แบบปลอดสารพิษ

หนอนหน้าแมวจะเข้าทำลายกัดกินใบปาล์มน้ำมัน ยิ่งช่วงรุนแรงมากๆ จะทำให้ใบเหลือแต่ก้าน ผลผลิตลดลง ต้นชะงักการเจริญเติบโต และกว่าต้นจะฟื้นคืนดังเดิมใช้เวลานานนับปี ในการระบาดแต่ละครั้งต้องใช้เวลาในการกำจัดนานเนื่องจากหนอนมีหลายระยะในเวลาเดียวกันอาทิ ตัวหนอน ดักแด้ ที่แล้วมาจึงไม่สามารถกำจัดให้หมดได้ในคราวเดียวกัน ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในการจัดการและติดตามผล ลักษณะวงจรชีวิต แบ่งออกได้ 3 ช่วง ต่อไปนี้ -ไข่ สีใส แบนราบติดใบผิวเป็นมัน คล้ายหยดน้ำค้าง ถ้าส่องกับแสงแดดจะทำให้เห็นไข่ชัดเจนขึ้น ผีเสื้อจะวางไข่เป็นฟองเดี่ยวๆ กระจัดกระจายใต้ใบย่อยของทางใบปาล์มน้ำมัน พบมากบริเวณทางใบตอนล่าง -หนอน มีสีขาวใส มีสีน้ำตาลอยู่กลางลำตัว มีกลุ่มขนบนลำตัว 4 แถว แต่มองเห็นไม่ชัดเจน ส่วนหัวหลบซ่อนอยู่ใต้ลำตัว เคลื่อนไหวช้า กินแบบแทะผิวใบ -ดักแด้ รังดักแด้มีสีน้ำตาล ทรงกลม แขวนติดตามซอกโคนทางใบ มุมใบย่อย ส่วนพับของใบย่อย ตัวเต็มวัยจะเป็นผีเสื้อหากินกลางคืน ส่วนกลางวันจะเกาะนิ่งหุบปีกไม่เคลื่อนไหว แนวทางควบคุมป้องกันกำจัด 1.ตัดแต่งใบปาล์มน้ำมันที่พบการทำลายของหนอน หรือจับผีเสื้อในเวลากลางวันซึ่งเกาะอาศัยตามใต้ทางใบปาล์มน้ำมัน หรือดักแด้ตามซอกโคนทางใบรอบลำต้น 2.ใช้กับดักแสงไฟ โดยใช้แสงไฟ Black light หรือหลอดนีออนธรรมดา วางบนกะละมังพลาสติกบรรจุน้ำผสมผงซักฟอก ให้หลอดไฟเหนือน้ำประมาณ 5-10 ซม.ล่อผีเสื้อกลางคืนช่วงเวลา 18.00 -19.00 น.เพื่อตัดวงจรการขยายพันธุ์ในรุ่นต่อไป 3.ฉีดพ่นด้วยสารสกัดสะเดา (มาร์โก้ซีด) 250-300 ซีซีต่อน้ำ 200 ลิตร (ยับยั้งการกัดทำลาย ลอกคราบในตัวอ่อน ทำให้ตัวเต็มวัยเป็นหมัน) ก่อนฉีดพ่นด้วยจุลินทรีย์ทริปโตฝาจ 500 กรัม(ซอง) ร่วมกับไทเกอร์เฮิร์ป 250 กรัมต่อน้ำ 200 ลิตร สลับกับการฉีดพ่นด้วยน้ำหมักเชื้อบีที-ชีวภาพ (บาซิลลัส ธูริงเจนซิส )โดยเว้นช่วงห่างกันประมาณ 2-3 วัน กระทำเช่นเดียวกัน 2-3 ครั้งโดยให้ห่างกันประมาณ7-10 วันครั้ง จนกระทั้งอาการระบาดลดลงสู่ภาวะปกติ แล้วค่อยๆ ปรับเปลี่ยนช่วงระยะการฉีดพ่นออกเป็น 15-20 วันครั้งหรือตามความเหมาะสมเพื่อควบคุมการระบาดของหนอน(การฉีดพ่นยา ฮอร์โมนหรือปุ๋ยทุกครั้งควรปรับสภาพน้ำด้วยซิลิซิค แอซิค 5 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตรร่วมกับสารจับใบ (ม้อยเจอร์แพล้นท์) ทุกครั้งเพื่อช่วยเพื่อประสิทธิภาพการทำงานของยา ฮอร์โมนหรือกลุ่มปุ๋ยที่ฉีดพ่นเข้าไป) เผยแพร่โดย:นายเอกรินทร์ ช่วยชู(นักวิชาการชมรมฯ)โทร.081-3983128

วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ป้องกันรักษาอาการใบเหี่ยวเหลือง แง่งเน่าขมิ้นด้วยจุลินทรีย์และหินแร่ภูเขาไฟ

อาการใบเหี่ยวเหลือง แง่งเน่า ของขมิ้น เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Pseudomonas solanacearum แพร่ระบาดได้ง่ายในสภาพแวดล้อมที่มี อุณหภูมิค่อนข้างสูง ฝนตกชุก ซึ่งจะเข้าทำลายและอาศัยอยู่แบบข้ามฤดู ซึ่งส่วนใหญ่เชื้อดังกล่าวจะติดมากับแง่งขมิ้นหรือหน่อที่ใช้ทำพันธุ์ โดยจะแสดงอาการในระยะเริ่มแรกหลังจากเชื้อเข้าทำลาย ใบแก่ที่อยู่ตอนล่างๆ จะเหี่ยว ตกลู่ลง ต่อมาจะม้วนเป็นหลอดและเหลือง อาการจะค่อยๆ ลามจากล่างสูงขึ้นไปยังส่วนบน ต่อมาใบจะม้วน เหลืองแห้งทั้งต้น บริเวณโคนต้นและหน่อที่แตกออกมาใหม่จะมีลักษณะช้ำฉ่ำน้ำ ซึ่งต่อมาจะเน่าเปื่อยหักหลุดออกมาจากแง่งโดยง่าย แต่จะไม่มีกลิ่นเหม็น เมื่อตรวจดูที่ลำต้นจะพบว่าส่วนที่เป็นท่อน้ำท่ออาหาร จะถูกทำลายเป็นสีคล้ำหรือน้ำตาลเข้ม และมีเมือกของแบคทีเรียเป็นของเหลวสีขาวข้นคล้ายน้ำนมซึมออกมาตรงรอยแผลหรือรอยตัดของต้นหรือแง่งที่เป็นโรค สำหรับแง่งจากต้นที่เพิ่งแสดงอาการโรคในระยะแรก หากนำขึ้นมาผ่าออกดู จะพบรอยช้ำฉ่ำน้ำเป็นปื้นๆ โดยเฉพาะแง่งที่ยังอ่อน ต่อมาอาการจะทวีความรุนแรงทำให้เนื้อเยื่อเปื่อยยุ่ยและสีคล้ำขึ้น อาการเหล่านี้จะเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในสภาพที่อากาศร้อนชื้น ตั้งแต่เริ่มแสดงอาการจนทำให้ต้นหักพับตาย จะใช้เวลา 5-7 วัน เป็นอย่างช้า การควบคุมป้องกันรักษา 1.ตัดแต่งใบส่วนที่เป็นโรคออกประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ เว้นใบให้พืชได้สังเคราะห์แสง 2.กำจัดวัชพืชออกทำลายนอกแปลง ให้แสงแดดส่องถึงพื้นดิน เพื่อลดปริมาณความชื้นในแปลง 3.การป้องกันรักษากระทำได้ 2 วิธี ทั้งทางดิน ทางใบหรือกระทำพร้อมๆ กัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น 3.1 วิธีควบคุมป้องกันทางดิน - นำพูมิชซัลเฟอร์หว่านโรยรอบทรงพุ่มหรือแนวร่องบางๆ ทุกๆ 1 เดือน เป็นไปได้ให้นำพูมิชซัลเฟอร์ 20 กิโลกรัมผสมร่วมกับปุ๋ยหมักปุ๋ยคอก 50 กิโลกรัมและเชื้อไตรโคเดอร์ม่า 1 กิโลกรัม หว่านปรับสภาพดินก่อนเพาะกล้าทุกครั้ง เพื่อป้องกันกำจัดเชื้อราในดินอีกทางหนึ่งด้วย -นำเชื้อไตรโคเดอร์ม่า 40 กรัม (2 ช้อนแกง) หมักร่วมกับกากน้ำตาลหรือน้ำตาลทรายแดง 1 กิโลกรัมน้ำเปล่า 15 ลิตร ทิ้งไว้ 6 ชั่วโมงก่อนนำมาผสมน้ำเปล่าหรือน้ำที่ละลายพูมิชซัลเฟอร์ ประมาณ 200 ลิตร ร่วมกับจุลินทรีย์หน่อกล้วย 400 ซีซี.และโพแทสเซียมฮิวเมท 30 กรัม แล้วราดรดบริเวณทรงพุ่มหรือแนวร่องทุกๆ 15 วันครั้ง หรืออาจจะปล่อยผ่านท่อน้ำหยดหรือสปริงเกอร์ก็ได้ นานวันละ10 -15 นาที 3.2 วิธีควบคุมป้องกันทางใบ -ใช้เชื้อไตรโคเดอร์ม่า 40กรัม(2ช้อนแกง)ร่วมกับกากน้ำตาลหรือน้ำตาลทรายแดง 1 กิโลกรัม น้ำเปล่า 15 ลิตร หมักทิ้งไว้ 6 ชั่วโมง ก่อนผสมน้ำเปล่าหรือน้ำที่ละลายพูมิชซัลเฟอร์(พูมิชซัลเฟอร์ 20กิโลกรัมต่อน้ำ 200 ลิตร ปล่อยให้ตกตะกอนนานประมาณ 15นาทีหรือน้ำใส )200 ลิตร ร่วมกับไคโตซาน MT 50 ซีซี. ซิลิโคเทรช 100 กรัม และม้อยเจอร์แพล้นหรือสารจับใบ 20 ซีซี.ก่อนนำไปฉีดพ่นให้ทั่วทั้งบนใบใต้ใบอย่างชุ่มโชกเหมือนอาบน้ำทุกๆ 10-15วันครั้ง มิตรเกษตรท่านใดสนใจสอบถามหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลสามารถติดต่อได้ที่ ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ (02-9861680-2)หรือคุณเอกรินทร์ ช่วยชู (081-3983128)หรืออาจติชมผ่านทาง email:thaigreenagro@gmail.com