|
บล็อกนี้เขียนขึ้นเพื่อเสนอผลงาน แนวทาง ทางเลือกใหม่ ในการทำการเกษตรแบบปลอดสารพิษ ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ยึดหลักความรับผิดชอบต่อสังคมผสมผสานกับการพาณิชย์ กล่าวคือ ช่วยเหลือให้คำปรึกษา แนะนำชี้ทางถูกผิด 30% ผสมผสานงานขาย 70% เพื่อความคงอยู่ขององค์กรหรือหน่วยงานต้นสังกัดกล่าวคือชมรมเกษตรปลอดสารพิษ ปรัชญาประจำตัวคือ "ทุกแนวคิด ทุกคำตอบ ทุกงานวิชาการ เพื่อเกษตรกรไทย"สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:คุณเอกรินทร์ ช่วยชู โทร.081-3983128
วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
กุญแจดอกสำคัญ ปลดล็อคดินที่ไร้ค่าให้มีปุ๋ย
วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
ชาวนาหลังสู้ฟ้าหน้าสู้หนี้ เพราะแก้ปัญหาไม่ตรงจุด
ชีวิตชาวนาไทยยุคปัจจุบันไม่ต่างจากทาส
ทำทุกอย่างเพื่ออยู่รอดแม้เป็นหนี้เป็นสิน บางคนกู้เงินมาหวังฟื้นตัว
เจอแมลงโรคระบาดมากๆเข้า ซื้อยาฉีดป้องกันหนักๆเข้า
เงินจมขาดทุนมากกว่าเก่า หาแหล่งเงินทุนใหม่กู้เพิ่มปิดหนี้เก่า
แล้วอีกเมื่อไรจะเป็นไท ประเทศไทยประกาศเลิกทาสมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5
แล้วทำไมปัจจุบันจึงยังมีทาสหลงเหลืออยู่ หรือเป็นเพราะฟุ้งเฟ้อไม่รู้จักพอ
ไม่รู้จักประมาณตน ว่าตัวเองเป็นใคร อาชีพอะไร ทำเพื่อใครอยู่
ที่สำคัญทำอย่างไรจึงมีกินมีใช้ ไม่เป็นหนี้ทาสระบบปุ๋ยยา
สมัยก่อน
ปู่ย่าตายายทำนาไม่เคยใช้หรือรู้จักปุ๋ยยาทำไมยังได้ผลผลิต
มีแค่ขี้วัวขี้ควายไม่กี่ก้อนที่ใส่ลงไปตอนไถคราด ต้นข้าวงามแตกกอดี
โรคแมลงก็ไม่ระบาด
ทุกวันนี้เราเห็นแก่ตัวมากขึ้นทำลายทุกอย่างเพื่อหวังให้ได้มาแค่ผลผลิต
ไม่คิดว่าธรรมชาติจะอยู่อย่างไร
เมื่อระบบนิเวศน์ถูกทำลายก็ไม่ต่างจากคนขาเป๋ จะเดินเหินก็ลำบาก
ชาวนาส่วนใหญ่มักคิดแค่ว่าหากต้องการผลผลิตข้าวเยอะๆ ต้องใส่ปุ๋ยเยอะๆ
และเมื่อไหร่ใส่ปุ๋ยเยอะๆ ก็ต้องฉีดพ่นยาเยอะๆเป็นธรรมดา
เพราะต้นข้าวอ่อนแอเป็นโรคแมลงศัตรูทำลายได้ง่าย แมลงศัตรูธรรมชาติในนา
อย่างแมงมุม แมลงปอ ฯลฯ ไม่ต้องคุยฉีดพ่นยาตายหมดแล้ว
|
ปุ๋ยยาเคมีใช้บ่อยๆ เพิ่มปริมาณมากๆ เข้าทำให้ดินเสีย ดินเค็ม
ข้าวไม่กินปุ๋ย เมื่อต้นข้าวกินอาหารทางรากไม่ได้ก็ฉีดพ่นให้ทางใบแทน
คนเรานี้ก็แปลกชอบปัญหาที่ปลายเหตุ เมื่อดินไม่ดี
ดินเสียดินเสื่อมก็ควรแก้ที่ดิน
ไม่ใช่ฉีดพ่นปุ๋ยทางใบแก้ปัญหาให้ผ่านไปวันๆ
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องแก้อย่างนี้ไปเรื่อยๆไม่รู้จักจบสิ้น
เมื่อดินไม่ดีก็ควรปรับสภาพดินบ้าง อย่างน้อยปีละครั้งก็ยังดี
ซึ่งอาจจะช่วยลดปุ๋ยลดยาลงได้บ้างไม่มากก็น้อยตามสภาพของดินในพื้นที่นั้นๆ
การนำหินภูเขาไฟมาปรับดินให้ดี ลดความเค็ม ทำให้ดินไม่รัดตัว
น้ำอากาศไหลผ่านสะดวก ที่สำคัญช่วยตรึงปุ๋ยไนโตรเจนให้ละลายช้าลง
มีซิลิก้าทำให้ต้นข้าวแข็งล้มยาก ไม่ค่อยเป็นโรค
แมลงกัดกินก็ลำบากขึ้นไม่หมูอีกต่อไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสารปรับปรุงดินเพื่อไขปัญหาให้ถูกจุดตรง
ประเด็น ได้ที่ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ 02-9861680-2 หรือ 081-3983128
(เอกรินทร์) เขียนและรายงานโดย : ทีมงานชมรมเกษตรปลอดสารพิษ ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ http://www.thaigreenagro.com/Aticle.aspx?id=13510&Param2=14 วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เสนอแนะติชมได้ที่ email : thaigreenagro@gmail.com |
|
วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
กรด-ด่างในดิน แม่กุญแจที่ล็อคปุ๋ยจนไร้ค่า
ความเป็นกรดเป็นด่างของดินมีความสำคัญอย่างมากต่อการเจริญเติบโตของพืช
เนื่องจากสภาพกรด-ด่างของดินเกี่ยวข้องโดยตรงกับธาตุอาหารในดินที่พืชจะได้
รับและนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ความเป็นกรด-เป็นด่างของดินบอกได้เป็นพีเอช
แบ่งระดับตัวเลขได้ตั้งแต่ 1-14 ตามกรด-ด่างของดิน
โดยถือว่าสภาพดินที่มีค่าพีเอช 7 เป็นกลาง
แต่ดินที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืชหรือธาตุอาหารในดินสามารถปลดปล่อย
ได้ดี ครบถ้วนที่สุดต้องมีค่าพีเอชอยู่ระหว่าง 5.8-6.3 หรือกรดอ่อนๆ ดิน ที่พีเอชต่ำกว่า 7.0 ถือว่าเป็นกรดหรือดินเปรี้ยว ยิ่งต่ำมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นกรดรุนแรงมากเท่านั้น ซึ่งดินที่เป็นกรดมากๆ จะมีธาตุอาหารบางธาตุ อย่าง แคลเซียม แมกนีเซียม ค่อนข้างต่ำ ส่วนดินที่มีค่าพีเอชสูงกว่า 7.0 ถือว่าเป็นด่างหรือดินเค็ม ทำนองเดียวกันยิ่งสูงมากก็ยิ่งด่างมาก บางครั้งดินที่มีพีเอชสูงกว่า 8.5 มักขาดแคลเซียมหรือมีก็มีน้อย เนื่องจากโซเดียม(เกลือ)ในดินมีมากเกินไปทำให้พืชขาดแคลเซียม แมกนีเซียมในเวลาเดียวกัน โดยปกติในดินจะมีแคลเซียม แมกนีเซียมในปริมาณพอๆกัน ซึ่งสามารถเกิดได้ในดินมีพีเอชต่ำกว่า 5.5 ได้เช่นเดียวกัน |
พืชบางชนิดสามารถเจริญเติบโตได้ในดินที่มีความเป็นกรด-ด่างมากๆ แต่ใช่ว่าจะมีความเหมาะสม ต้องทนต่อการขาดธาตุ เนื่องจากไม่สามารถปลดปล่อยออกจากดินได้ ไม่ต่างจากคนป่วยที่รอยา เริ่มอ่อนแอ เริ่มเป็นโรค มากเข้าๆ ที่สุดก็ยืนต้นตาย อย่างไรก็ตามความเหมาะสมของกรด-ด่างในดิน ที่สามารถปลดปล่อยหรือปลดล็อคธาตุอาหารให้พืชนำไปใช้ประโยชน์ได้ทุกตัวโดย ที่ไม่ขาด สภาพดินต้องเป็นกรดอ่อนๆ พีเอชอยู่ระหว่าง 5.8-6.3 ดังที่เกริ่นไว้ข้างต้น ธาตุอาหารที่เคยมีประโยชน์ต่อพืชบางครั้งก็มีโทษได้เช่นกัน หากปล่อยให้พีเอชในดินสูง-ต่ำมากเกินไป มีปัญหาดินกรด ดินด่าง พืชไม่กินปุ๋ย พูดคุยปรึกษาได้ที่ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ 02-9861680-2 หรือ 081-3983128 (คุณเอกรินทร์) เขียนและรายงานโดย : ทีมงานชมรมเกษตรปลอดสารพิษ ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ http://www.thaigreenagro.com/Aticle.aspx?id=13487&Param2=17 วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เสนอแนะติชมได้ที่ email : thaigreenagro@gmail.com |
วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
มะนาวเป็นแคงเกอร์ก็เหมือนคนเป็นเอดส์ แม้ไม่หายขาดแต่ก็ป้องกันได้
|
วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
อย่าปล่อยให้เวลาเสียไป พัฒนาเกษตรกรไทย เข้าสู่โลกไร้พรมแดน
|
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)