25 พฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา
ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำโดยนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รัฐมนตรีว่าการ
แจงถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง ที่ได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราตามโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ
ปี 2557 จากข้อมูลที่ขึ้นทะเบียนไว้ 69 จังหวัด 1,193,332 ครัวเรือน ล่าสุดได้บันทึกลงระบบสารสนเทศไปแล้ว
1,116,587 ครัวเรือน ซึ่งทั้งนี้ได้ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบถูกต้องเรื่องเอกสารสิทธิที่ดินตามกฎหมาย
หรือเอกสารสิทธิ ภปท.5 หรือพื้นที่การเปิดกรีดหรือพื้นที่ที่อายุยางเกิน 25 ปี ไปแล้ว
779,010 ครัวเรือน ส่งต่อข้อมูลให้คณะกรรมการเปิดกรีดยางระดับตำบลตรวจสอบจำนวน
704,259 ครัวเรือน ออกใบรับรองแล้ว 341,942 ครัวเรือน ซึ่งได้โอนจ่ายเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(ธ.ก.ส.) เข้าบัญชีเกษตรกรไปแล้วจำนวน 226,653 ครัวเรือน คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ
6,300 ล้านบาท ที่มา http://www.naewna.com/local/78893
|
ตอนที่
แล้วได้เกริ่นกันถึงการเพิ่มผลผลิตหรือน้ำยาง
โดยใช้พูมิชซัลเฟอร์ผสมร่วมกับปุ๋ยหว่านปรับปรุงดิน เพิ่มธาตุหลัก รอง
เสริม
ให้ต้นยางพาราได้รับธาตุอาหารครบทุกหมู่แบบไม่ขาด
พูมิชซัลเฟอร์เป็นชื่อทางการค้าของสารปรับปรุงดินอีกแบรนด์หนึ่งของชมรมฯที่
ผลิตจากหินภูเขาไฟ
ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุอาหารพืชอย่าง
ซิลิก้าหรือซิลิซิค,แคลเซียม,แมกนีเซียม,ฟอสฟอรัส,กำมะถัน,เหล็ก,สังกะสี
ฯลฯ ในปริมาณที่เหมาะต่อการเจริญเติบโตของพืช ไม่มากเว้อหรือน้อยเกินไปจนทำให้พืชขาดธาตุอาหาร
ส่วนที่ว่าธาตุตัวไหนชนิดใดทำหน้าที่อะไร วันนี้จะมาอธิบายให้ทราบตามที่ได้สัญญาไว้ครับ
ธาตุตัวที่ (1) ซิลิก้าหรือซิลิซิค
แอซิค ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่เซลล์พืช ลดการทำลายของโรคแมลง (2) แคลเซียม
ช่วยกระตุ้นรากกระตุ้นยอด แบ่งโครโมโซม ส่งเสริมการทำงานของเอนไซม์และธาตุอาหาร (3)
แมกนีเซียม สร้างคลอโรฟิลล์ เอนไซม์ เพิ่มเม็ดสีเขียว กระตุ้นการสร้างแป้งสร้างน้ำตาล
สังเคราะห์น้ำมันร่วมกับกำมะถัน ช่วยดูดซับฟอสฟอรัสและควบคุมปริมาณแคลเซียมให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต
(4) ฟอสฟอริก ช่วยสังเคราะห์แสง สร้างแป้งสร้างน้ำตาล สร้างรากทำให้ลำต้นแข็งแรง
รากเยอะไม่ล้มง่าย ช่วยให้ผลเมล็ดสุกแก่เร็ว สร้างดอกสร้างเมล็ด ส่งเสริมการดูดซึมไนโตรเจน
โพแทสเซียมและโมลิบดินัม
ตัวที่ (5) ซัลเฟอร์ หรือที่เรียกกันว่า
กำมะถัน ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโต ช่วยสร้างคลอโรฟีลล์
สังเคราะห์แสงสร้างไขมันและควบคุมการทำงานของแคลเซียม (6) เหล็ก ช่วยสร้างคลอโรฟีลล์และไซโตโครมที่เกี่ยวกับการหายใจ-คายน้ำ
ส่งเสริมการดูดซึมธาตุอาหารชนิดอื่น และท้ายสุดตัวที่ (7) สังกะสี ช่วยสังเคราะห์โปรตีน
สังเคราะห์คลอโรฟีลล์ สร้างฮอร์โมนไอเอเอที่เป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์และเอนไซม์ต่างๆ
ช่วยส่งเสริมให้พืชดูดซับฟอสฟอรัส และไนโตรเจนได้ดี โดยเฉพาะช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย
เมื่อพืชไม่เครียดก็สามารถเจริญเติบโตได้เป็นปกติ เป็นไงละครับ พูมิชซัลเฟอร์
1กระสอบ 20 กิโลกรัม แต่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ ตอนหน้ามาคุยกันต่อว่าพูมิชซัลเฟอร์มาจากที่ไหน?
แล้วไปช่วยเพิ่มน้ำยางให้เยอะได้อย่างไร? เกษตรกรท่านใดสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือหาซื้อมาทดลองได้ที่ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ
โทร. 02-9861680 -2 หรือ 081-3983128 (คุณเอกรินทร์)
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com http://www.thaigreenagro.com/Aticle.aspx?id=14523&Param2=4 |
บล็อกนี้เขียนขึ้นเพื่อเสนอผลงาน แนวทาง ทางเลือกใหม่ ในการทำการเกษตรแบบปลอดสารพิษ ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ยึดหลักความรับผิดชอบต่อสังคมผสมผสานกับการพาณิชย์ กล่าวคือ ช่วยเหลือให้คำปรึกษา แนะนำชี้ทางถูกผิด 30% ผสมผสานงานขาย 70% เพื่อความคงอยู่ขององค์กรหรือหน่วยงานต้นสังกัดกล่าวคือชมรมเกษตรปลอดสารพิษ ปรัชญาประจำตัวคือ "ทุกแนวคิด ทุกคำตอบ ทุกงานวิชาการ เพื่อเกษตรกรไทย"สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:คุณเอกรินทร์ ช่วยชู โทร.081-3983128
วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
พูมิชซัลเฟอร์ปรับปรุงดิน ช่วยกระตุ้นน้ำยางให้ไหลเยอะ (ตอนที่ 2)
วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
พูมิชซัลเฟอร์ปรับปรุงดิน ช่วยกระตุ้นน้ำยางให้ไหลเยอะ (ตอนที่ 1)
|
วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
เลือกพูมิชซัลเฟอร์-หินภูเขาไฟ ปรับปรุงบำรุงดิน เพิ่มประสิทธิการดูดซึมปุ๋ย
พืชผัก-ไม้ผล-ข้าวราคาขึ้นลงเป็นไปตามระบบกลไกของตลาด
เกษตรกรธรรมดาอย่างเราๆไม่สามารถปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงใดๆได้
หากแต่ต้องยอมปล่อยให้มันเป็นไปตามระบบเช่นที่ผ่านมา แม้เกษตรกรทำนาปลูกข้าว
จำนำข้าวกับภาครัฐจะได้ราคาสูงก็จริงแต่ต้องรอ 2-3 เดือนถึงจะได้รับเงิน
หากนำรายรับรายจ่ายมาเปรียบเทียบเล่นๆแล้ว คงเหลือเก็บนิดหน่อย แค่พอดำรงชีพไปวันๆ
สิ่งที่ควรพิจารณาให้มากก็คือทุกวันนี้เราปลูกพืชแต่ละชนิดแต่ละอย่าง
ได้ผลผลิตเต็มที่ตามที่ควรจะได้หรือยัง? กรด-ด่างของดินก็ส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่อการดูดซับปุ๋ย(กินปุ๋ย)หรือธาตุอาหาร
ซึ่งเกี่ยวข้องกับการละลายหมดทันทีของปุ๋ย ทำให้พืชเฝือใบ(บ้าใบ)
ต้นอ่อนแอเป็นโรคง่าย
|
ธาตุอาหารจะละลายปลดปล่อยให้ประโยชน์แก่พืชได้ดีที่สุดที่ช่วง
pH
5.8-6.3 การตรวจวัด pH ของดินจึงควรกระทำทุกๆ3
เดือนหรืออย่างน้อยปีละ 2 ครั้งก็ยังดี เพราะ pH ของดินมีผลกระทบมาจากการใส่ปุ๋ยเคมีต่อเนื่องอย่างยาวนาน
ซึ่งส่วนใหญ่ทำให้ดินเป็นกรดแร่ธาตุละลายน้อยลง
ยิ่งเป็นพืชที่ปลูกบนที่ดอนแล้วยิ่งส่งผลกระทบโดยตรงจากการชะล้างกำมะถัน(ซัลเฟอร์)ออกไป
หากพืชขาดกำมะถันส่งผลให้กระบวนการสร้างโปรตีนไม่สมบูรณ์
ปกติปุ๋ยที่มีการเขียนสัญลักษณ์ (s)ท้ายสูตรเพื่อแสดงว่ามีกำมะถันผสมอยู่
มักจะมีราคาแพงกว่าปุ๋ยสูตรอื่นทั่วไป
จึงไม่เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายเท่าไรนัก
การผสมปุ๋ยใช้เองจะทำให้ประหยัดปุ๋ย สามารถชี้วัดอัตราผลผลิตที่ควรจะเป็นได้
ยิ่งเป็นปุ๋ยละลายช้าด้วยยิ่งทำให้ต้นทุนลดลงอีกเท่าตัว
เพียงแค่เกษตรกรนำปุ๋ยเคมี 50 กิโลกรัม เทกองพรมน้ำพอชื้นเติมซิลิโคเทรซ 500 กรัม
คลุกเคล้าให้เข้ากันก่อนเติมพูมิชซัลเฟอร์ลงผสม 20 กิโลกรัม
คลุกเคล้าอีกครั้งก่อนนำไปหว่าน ส่วนการตรวจวัด pH ดิน
ทำให้เรารู้ทิศทาง ว่าจะเดินไปทางไหน เลือกวิธีใดปรับปรุงบำรุงดินจึงจะเหมาะสม หาก
pH
ของดินต่ำกว่า 5.8 ก็ให้ใช้พูมิชซัลเฟอร์
แต่ถ้า pH
ของดินสูงกว่า 6.3
ให้ใช้ภูไมท์ซัลเฟตถุงแดงแทน นอกจากนี้ยังช่วยสลายสารพิษในดินไล่เกลือขึ้นสู่ผิวดินลดความเค็ม(ด่าง)ในดิน
จับตรึงปุ๋ยให้ละลายช้าลง เมื่อใช้ปุ๋ยน้อย ต้นทุนการผลิตลด
ต่อไปไม่ต้องแคร์ว่าราคาจะสูงหรือต่ำ
เกษตรกรท่านใดสนใจจะหาซื้อมาทดลองติดต่อได้ที่ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ โทร. 02-9861680
-2 หรือ 081-3983128 (คุณเอกรินทร์)
เขียนและรายงานโดย : ทีมงานชมรมเกษตรปลอดสารพิษ
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เสนอแนะติชมได้ที่ email :
thaigreenagro@gmail.com
http://www.thaigreenagro.com/Aticle.aspx?id=14375&Param2=18
|
วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
หยวกแกนกล้วย ช่วยยืดช่อ ต่อตาดอก
ในช่วงระยะเวลาที่เราเริ่มเพาะปลูกหรือลงกล้าใหม่ๆ ไม้ตายก็จะต้องใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ อย่างเช่น 15-15-15, 16-16-16
หรือจะสูตรอื่นๆ ที่มากหรือน้อยกว่านี้ ร่วมด้วยช่วยกันกับ 46-0-0
หรือยูเรีย เพื่อให้เกิดการแตกตายอดได้อย่างรวดเร็ว
อีกทั้งช่วยทำให้เกิดการแตกใบอ่อนเจริญเติบโตกิ่งก้านสาขาได้อย่างทันใจ
และก็มีบางช่วงที่มักจะต้องการให้กิ่ง ก้าน ยอด ฝัก ผล ยืดยาวออกมามากกว่าเดิม
เพื่อให้เป็นที่ต้องตาติดใจแก่เหล่าแม่ค้าตลาดผักและลูกค้าผู้บริโภคที่ต้องการได้ผักผลไม้ที่สวยสดงดงามนำไปรับประทาน
เบื้องหลังการตลาดการขาย จึงเป็นเรื่องของเกษตรกรผู้ผลิต
ที่จะต้องคิดวิเคราะห์หาเทคนิควิธีการต่างๆ
นำมาพัฒนาการเพาะปลูกเพื่อให้ได้ไซส์หรือขนาดตามที่ตลาดต้องการ
|
ส่วนหนึ่งเลยคือการใช้ฮอร์โมนยืดช่อ
ยืดก้านอย่าง จิ๊บเบอเรลริคแอซิด (GA) ซึ่งทำหน้าที่ในการยืดขยายแบ่งเซลล์ให้กับพืช
โดยปรกติก็จะมีซื้อขายอยู่มากมายในท้องตลาดแตกต่างกันไปตามเปอร์เซ็นต์
และความเข้มข้น
ข้อเสียคือถ้าใช้มากก็จะเกิดผลข้างเคียงที่ตรงข้ามและอาจจะเกิดการสะสมอยู่ในเนื้อเยื่อของพืช
อีกทั้งทำให้สิ้นเปลืองเงินโดยใช่เหตุ
ถ้าพืชนั้นอยู่ในสภาพของพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์เดิมดีอยู่แล้ว
สามารถที่จะระดมสั่งสมอาหารจากในดินและสามารถที่จะพัฒนาแตกกอต่อยอดสร้างฮอร์โมนที่จำเป็นให้แก่ตนเองได้อย่างเพียงพอและสมดุล
อย่างไรก็ตามบางครั้งเกษตรกรก็อาจจะจำเป็นต้องใช้ฮอร์โมนเพื่อนำมาช่วยเหลือให้พืชบางชนิดมีความสามารถในการเปิดตาดอก
อย่างเช่นมะม่วง มะนาวที่จะต้องสร้างหรือดึงช่อให้ออกมาพร้อมกับดอกที่จะเกิดขึ้นตามมา
หรือพืชผักตระกูลแตง, ถั่วฝักยาว
เหล่านี้ก็มักจะมีการใช้ฮอร์โมนจิ๊บเบอเรลริคแอซิดเช่นกัน จึงเป็นที่มาในวันนี้ที่ ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ
จะนำเทคนิคและวิธีการการทำจิ๊บเบอเรลริค แอซิดอย่างง่ายทำได้เองโดยการคัดเลือกสรรหา
ต้นกล้วยที่ออกเครือเรียบร้อยแล้ว
จะเหลือก้านเครือหรืองวงกล้วยที่มีความยาวจากปลายด้านนอกลึกเข้าไปในลำต้นของกล้วย
ให้ตัดต้นและปลอกหรือผ่ากาบด้านนอกจนเหลือแต่แกน (ถ้าเป็นกล้วยสาวจะเป็นหยวกกล้วย
แต่ถ้าออกเครือแล้วจะเป็นแกนกล้วย) หลังจากที่ผ่าปลอกจนเหลือแต่แกนแล้ว
ให้นำมาหั่น สับ บด ตำ โขลกให้ละเอียด แล้วนำมาหมักกับกากน้ำตาลในอัตรา แกนกล้วย 3
ส่วน ต่อกากน้ำตาล 1 ส่วน หมักให้ได้ 7 – 10
วัน แล้วนำมาฉีดพ่นเพื่อดึงช่อในอัตรา 50 – 100 ซี.ซี. ร่วมกับ ไวตาไลเซอร์ 5 กรัม ไคโตซาน MT 5
ซี.ซี. ต่ำน้ำ 20
ลิตร จะช่วยยืดช่อ เปิดตาดอกได้ง่ายขึ้น
คุณมนตรี
บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
http://www.thaigreenagro.com/Aticle.aspx?id=14307&Param2=13
|
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)