วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557

ภัยจากเคมีเกษตร

พิษภัย จากเคมีตกค้างในภาคเกษตรที่คงปนเปื้อนในอาหาร ถึงแม้ว่าภาครัฐจะพยายามออกตัวกระรันตีว่าปลอดภัยก็ตาม รวมถึงออกมาตรการควบคุมตรวจตรา อย่างไรก็ตามยังมีช่องโหว่ให้สินค้าเกษตรในท้องตลาดปนเปื้อนสารเคมีอยู่ดี เกษตรกรไม่น้อยยังเชื่อว่าการใช้สารเคมีสามารถช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ได้ แท้ที่จริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ จริงอยู่การใช้เคมีอาจจะรวดเร็วทันใจ แต่ก็มีผลกระทบในระยะยาวภายภาคหน้า ที่ตกค้างในพืชผักไม้ผล ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่มักเป็นโรคมะเร็งกัน

เคมีเกษตรกำจัดศัตรูพืชที่วางขายในท้องตลาดมี 1,000 กว่ารายการ ทั้งที่กำจัดแมลง กำจัดวัชพืช กำจัดเชื้อรา กำจัดหนู กำจัดหอย กำจัดปู ฯลฯ แปดสิบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์สลายตัวช้า ทำให้ตกค้างในดิน ในน้ำ ในพืชผักไม้ผลที่เราทาน บางชนิดตกค้างอยู่ในดินในน้ำนานหลายสิบปี ปัจจุบันหลายประเทศไม่อนุญาตให้นำเข้าสารเคมีบางกลุ่มเข้ามาใช้แล้ว หากจำเป็นก็ต้องมีมาตรการควบคุมให้รัดกุม ไม่ควรปล่อยให้ค้าขายอย่างเสรี เพราะมีผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมโดยตรง

แน่นอนครับว่า สารเคมีที่ใช้ทุกวันนี้ส่วนหนึ่งจะต้องตกค้างอยู่ในสินค้าเกษตร หรือผลผลิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกอย่างไม่สามารถล้างออกด้วยน้ำเปล่าๆ หรือระเหยออกจากความร้อนที่หุงต้มอาหาร ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้เสียด้วยจำต้องบริโภคเข้าไป ยิ่งเป็นพืชผักไม้ผลที่ผลิตด้วยประเทศที่กำลังพัฒนายิ่งแล้วใหญ่ เพราะเกษตรกรที่ผลิตมีความรู้เรื่องเคมีเกษตรน้อย ยิ่งภาครัฐควบคุมไม่ถึงก็ยิ่งหนักกว่าเก่าหลายสิบเท่า ถ้าคิดว่าจะใช้เคมีทำเกษตรก็ต้องใช้เป็นใช้อย่างถูกวิธี ใช้ไม่เป็นไม่มีความรู้ก็ไม่ควรใช้น่าจะดีกว่า เพราะใช้แล้วส่งผลกระทบต่อทั้งผู้บริโภค สิ่งแวดล้อม และยิ่งตัวเกษตรกรเองต้องรับสารพิษทุกวันแบบเต็มๆ ชนิดที่ว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยละครับ ท่านใดสนใจแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือเสนอแนวคิดเพิ่มเติมติดต่อได้ที่โทร. 081-3983128 (ผู้เขียน)

เขียนและรายงานโดย : คุณเอกรินทร์  ช่วยชู (นักวิชาการชมรมฯ)
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ  www.thaigreenagro.com
วันที่ 31 มีนาคม 2557 เสนอแนะติชมได้ที่ email : thaigreenagro@gmail.com