การระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลถ้านับย้อนไปในอดีตก็ตั้งแต่ปี 2520
และก็จะระบาดอีกในปี 2530 และในปี 2540 รูปแบบการระบาดก็ยังห่างๆอยู่
ในระยะปี 2530-2540
นี้ก็เริ่มมีการค้นพบเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลสายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกสอง
สามสายพันธุ์ที่แปลกๆจากเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลปรกติ
นี่อาจจะเป็นเพราะในห้วงช่วงนี้เรามีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชกันมากมาย
หลากหลายชนิดนั่นเองจึงทำให้สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอย่างเจ้าเพลี้ยกระโดดสี
น้ำตาลนั้นกลายพันธุ์ขึ้นมา
ซึ่งถ้ามองมาถึงปัจจุบันก็จะมีเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลมายมายหลายชนิดทั้งปีก
สั้น ปีกยาว ปีกลาย ปีกหยัก ตัวผอม ตัวกลม ตัวเขียว ตัวดำ
และที่สำคัญความหนาแน่นต่อต้นต่อกอก็มากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากมายหลายเท่าตัว
จนหลักการที่จะให้แมลงตัวดีหรือตัวห้ำตัวเบียนคอยควบคุมจับกินในอัตรา
ตัวดีหนึ่งตัวคุมแมลงศัตรพืชตัวร้ายเก้าหรือสิบตัวนั้นไม่ได้
และที่สำคัญมาในช่วงปี 2550 เป็นต้นมานั้นเราจะสังเกตุว่า
เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลนั้นระบาดติดต่อกันเป็นประจำแทบทุกปีเลยทีเดียวเชียว
ล่ะครับ
และมีการระบาดหนักมากๆในห้วงช่วงปี 2552
จนเป็นข่าวดังไปทั้งประเทศในกรณีที่มีเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพร
รรณบุรีที่มีการปลุกเสกยันต์กันเพลี้ยแจกชาวบ้านนำไปปักไว้ในแปลงนา
ปรากฎว่าชาวบ้านนิยมชมชอบมากกว่าการใช้ยาฆ่าแมลงเสียอีกเพราะใช้แล้วดู
เหมือนว่าจะให้ผลลัพธ์ดีกว่า
ในห้วงช่วงนั้นชาวบ้านจะยังไม่ค่อยรู้จักยาเชื้อบิวเวอร์เรียและเมธาไรเซียม
กันแพร่หลายมากเท่าใดนักเหมือนในปัจจุบันนี้
การระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลสามารถแพร่ขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
จากระยะตัวเต็มวัยผสมพันธุ์ออกไข่ใช้ระยะเวลาไม่เกินหนึ่งสัปดาห์
หลังจากนั้นสี่ซ้าห้าวันก็เป็นตัวอ่อนและลอกคราบอีกห้าครั้งใข้ระยะเวลา
ประมาณ 15-16 วัน
คือประมาณสามสี่วันลอกคราบครั้งหนึ่งจึงเข้าสู่ระยะตัวเต็มวัยอีกครั้งหนึ่ง
ถ้าเฉลี่ยไข่ของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลออกมา 200 ฟอง เป็นตัวผู้ 100
ฟองและเป็นตัวเมีย 100 ฟอง
ใช้ระยะเพียงสองสามเดือนเค้าจะสามารถขยายจำนวนได้หลายล้านตัว
นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่แมลงศัตรูพืชธรรมชาติไม่สามารถควบคุมประชากรของ
เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลได้ในภาวะที่มีการระบาดหนักเกินระดับเศรษฐกิจ
หาก
เราย้อนไปดูและสังเกตุการเข้าทำลายของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลนั้นจะเห็นเข้า
ระบาดในพื้นที่ลุ่มก่อนเป็นลำดับแรก
เพราะพื้นที่ลุ่มเป็นแหล่งรวมแร่ธาตุสารอาหารหรือปุ๋ยที่หว่านลงไปมากองรวม
ทำให้ข้างงอกงามอวบอ้วนอ่อนแอง่ายต่อการเข้าทำลายของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
และถ้าเราหัดสังเกตุต่อไปในพื้นที่บนคันนาที่มีเมล็ดข้าวร่วงหล่นแบบไม่
ตั้งใจและเจริญเติบโตเป็นกอข้าวที่ไม่มีใครใส่ใจดูแล
จะพบว่าข้าวที่เติบโตบนคันนาจะไม่พบเพลี้ยกระโดดเข้าทำลายแม้แต่ตัวเดียว
การแก้ปัญหาของพี่น้องเกษตรชาวนาด้วยไขระบายน้ำออกเมื่อมีการระบาดของเพลี้ย
กระโดดสีน้ำตาลเพื่อบรรเทาการระบาด
แต่แปลงนาที่มีพื้นนาไม่ราบเรียบเสมอกันทั้งแปลงจะไม่สามารถหยุดการเข้า
ทำลายของเพลี้ยได้เลย
เพราะจะอย่างไรพื้นที่นาที่ลุ่มๆดอนๆน้ำก็ไหลออกไปไม่หมดอย่างแน่นอน
สาเหตุ
อีกอย่างหนึ่งของการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลคือการหว่านข้าวแน่น
ใช้เมล็ดเยอะ และสุดท้ายก็ต้องใข้ปุ๋ยเพิ่มตามมาด้วย
ทำให้ต้นข้าวกลับไปสู่เงื่อนไขอวบอ้วนใบโค้งงอคำนับเจ้าของ
ง่ายต่อการเข้าทำลายของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลได้ง่าย
ฉะนั้นการทำให้ต้นข้าวเตี้ยแข็งใบตั้งชูสู้แสงจึงช่วยลดการเข้าทำลายได้มาก
จึงยากฝากพี่น้องเกษตรกรชาวไร่ชาวนาให้พึงระลึกนึกถึงการปลูกข้าวทำนา
ต้องพยายามทำให้ต้นข้าวแข็งแรง ไม่อ่อนแอจากการใส่ปุ๋ยที่มากเกินควร.
และในช่วงเวลาที่เหมาะสมคือใส่ปุ๋ยช่วงระยะแตกกอ
ทำพื้นนาให้เรียบเสมอทั้งแปลง
หรือเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ผนังเซลล์ด้วยซิลิก้าจากหินแร่ภูเขาไฟก็จะช่วย
ผ่อนปัญหาที่รุมเร้าอย่างหนักให้กลายเป็นเบาได้ไม่ยาก
มนตรี บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
|
บล็อกนี้เขียนขึ้นเพื่อเสนอผลงาน แนวทาง ทางเลือกใหม่ ในการทำการเกษตรแบบปลอดสารพิษ ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ยึดหลักความรับผิดชอบต่อสังคมผสมผสานกับการพาณิชย์ กล่าวคือ ช่วยเหลือให้คำปรึกษา แนะนำชี้ทางถูกผิด 30% ผสมผสานงานขาย 70% เพื่อความคงอยู่ขององค์กรหรือหน่วยงานต้นสังกัดกล่าวคือชมรมเกษตรปลอดสารพิษ ปรัชญาประจำตัวคือ "ทุกแนวคิด ทุกคำตอบ ทุกงานวิชาการ เพื่อเกษตรกรไทย"สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:คุณเอกรินทร์ ช่วยชู โทร.081-3983128
วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2557
อยากรู้ไหมเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลชอบระบาดในแปลงนาลักษณะใด
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น