วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ทรงพุ่มแผ่กว้าง สร้างพื้นที่รับแสง โรคแมลงไม่รบกวน


ท่านผู้อ่านคงอดจะนึกแปลกใจไม่ได้ว่า หัวข้อวันนี้ผู้เขียนจะพูดคุยในเรื่องของอะไร เป็นพืชชนิดไหน ก็จะขอบอกเสียตอนนี้เลยนะครับว่า สามารถที่จะติดตามรับอ่านกันได้ทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นท่านที่ปลูก พริก มะเขือ แตงกวา น้อยหน่า มะม่วง มะกรูด มะนาว มะพร้าว ส้มโอ ฯลฯ ถือว่ามีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันได้ทั้งหมด เนื่องด้วยในระยะที่มีพายุ นารีกำลังเข้ามาระบาดอาละวาดในบ้านเราอยู่ในขณะนี้ จนอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงชื่อพายุจาก นารีเป็น นารีพิฆาตเสียแล้วกระมัง
เพราะ การกระหน่ำซ้ำเติมพี่น้องไทยเราเสียจนพินาศราบเป็นหน้ากลองเสียหลายแห่งหนจน ได้รับความเดือดร้อนกันเกือบทั่วทุกถิ่นที่ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับพี่น้องไทยเราที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม กันด้วยทุกคนนะครับ เพราะเรื่องน้ำท่วมนี่ใครไม่เจอ จะไม่รู้จริงๆว่ามันทุกข์ทรมานเพียงใด ชมรมเกษตรปลอดสารพิษเราก็ประสบพบเจอมาหนักอยู่เหมือนกันครับเมื่อปี 54 จนคิดว่าไม่อยากจะพบจะเจออีกต่อไปทีเดียวเชียวล่ะครับ
พายุ นารีกับความชื้นที่สั่งสมอยู่ในชั้นบรรยากาศมากๆ และความเข้มของแสงที่ลดน้อยถอยลงในช่วงฝนฟ้าครึ้มนั้นจะทำให้พืชที่มีลักษณะ ของทรงพุ่มที่ไม่ปลอดโปร่งโล่งเตียนก็จะทำให้เกิดปัญหาการหมักหมมอมเชื้อโรค ง่ายต่อการเจริญเติบโตของเชื้อราโรคพืชให้เข้าฉกฉวยทำลายได้ง่าย เพียงเพาะสาเหตุแรกเริ่มจากการที่พืชไร่ไม้ผลนั้นขาดการดูแลตกแต่งกิ่ง ก้าน ใบให้ถูกวิธี โดยยังคงปล่อยให้มีทรงพุ่มด้านใน มีใบและกิ่งกระโดงกิ่งน้ำค้างเบียดเสียดยัดเยียดอยู่ด้านในจำนวนมาก อีกทั้งลักษณะทรงพุ่มก็อาจจะเล็กเรียวแหลมมีพื้นที่รับแสงได้น้อย ทำให้แม่ครัวหรือผู้ปรุงอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่ เมื่อสภาพของทรงพุ่มแน่นทึบจึงทำให้การระบายถ่ายเทอากาศทำได้ยากมากขึ้น มิหนำซ้ำความชื้นที่มีอยู่มากในทรงพุ่มทำให้เชื้อราและแบคทีเรียที่เป็น ปรสิตหรือเชื้อโรคของพืชก็สามารถที่เจริญเติบโตเบ่งบานจนก่อให้เกิดอันตราย แก่พืชได้โดยง่าย อีกทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของโรคแมลงศัตรูอย่างเพลี้ยกระโดด เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้งให้เข้ามาหลบอาศัยค่อยๆขยายพันธุ์และเข้าทำลายพืชผักผลไม้ให้เสีย หายได้ง่าย
Pumice_Sulpher02.jpg
พี่น้องเกษตรกรจะสังเกตเห็นหลักการง่ายๆได้แล้วนะครับว่า วิธีการที่จะหลีกเลี่ยงโรคแมลงรบกวนได้ง่ายด้วยการทำให้ทรงพุ่มของพืชนั้นมีความโปร่ง โล่ง เตียน มีการระบายถ่ายเทอากาศได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยการตัดแต่งกิ่งที่อยู่ใต้ร่มเงา ไม่ได้รับแสงแดด ซึ่งเขาจะเรียกว่ากิ่งกระโดงกิ่งน้ำค้าง  กิ่งต่างๆเหล่านี้จะอาศัยกินฟรีเพียงอย่างเดียว ไม่ทำงาน คือดูดกินอาหารแต่ไม่ทำหน้าที่ปรุงอาหารเพราะไม่ได้รับแสงแดด จึงทำให้พี่น้องเกษตรกรที่ปลูกพืชมีลักษณะทรงพุ่มหนาทึบนี้จะหมดสะตุ้งสตังค์ไปกับการซื้อปุ๋ยมาบำรุงโดยเกินความจำเป็น อีกทั้งก็จะสิ้นเปลืองไปกับค่าหยูกค่ายาในการรักษาโรคและแมลงที่จะเข้ามารบกวนอยู่ตลอดเวลาดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ฉะนั้นเกษตรกรที่หมั่นดูแลปรับปรุงตัดแต่งกิ่งก้านใบให้มีความสะอาดปลอดโปร่งอยู่เสมอก็จะช่วยลดต้นทุนในด้านการดูแลรักษาไปได้มากอยู่ พี่น้องเกษตรกรที่ต้องการปรึกษาปัญหาเพิ่มเติมติดต่อสอบถามเข้ามาได้ที่ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ โทร. 0-2986-1680-2 หรือ 081-313-7559 ได้นะครับ
 คุณมนตรี  บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ  www.thaigreenagro.com

ไม่มีความคิดเห็น: