วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556

หินแร่ภูเขาไฟ ช่วยลดสารพิษ เพิ่มความปลอดภัยในอาหาร

การเฝ้าระแวดระวังอย่างไม่ไว้วางใจจากสหภาพยุโรปเกี่ยวกับพืชผักผลไม้จากประเทศไทยเรา เนื่องด้วยมีรายงานว่าเราได้ใช้สารเคมีที่เป็นพิษในภาคการเกษตรมากเป็นอันดับที่ 5 ของโลก โดยองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO)  พืชผักผลไม้ที่วางจำหน่ายทั่วไปและเป็นที่นิยมสำหรับการบริโภคของคนไทย อย่างเช่น ข้าว กาแฟ ถั่วฟักยาว ผักชี ผักกาด อ้อย คะน้า และพืชตระกูลแตง มีสารพิษตกค้างเกินมาตรฐานถึง 40 % ในจำนวนนั้นเป็นสารเคมีกำจัดศัตรูพืชร้ายแรง 4 ชนิดที่หลายประเทศทั่วโลกได้ประกาศยกเลิกการใช้สารเคมีเหล่านี้แล้ว ได้แก่ สารไดโครโดฟอส สารเมโทบิล หรือ แลนเนท สารคาร์โบฟูราน หรือฟูราคาน สารอีพีเอ็น หรือคูมิฟอส,
ล่าสุดนี้ก็มีข่าว ยูเอสเอฟดีเอ ซึ่งเป็นองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาปฏิเสธนำเข้าอาหารจากไทย 12 รายการ ได้แก่ มะขามหวาน มะขาม เส้นก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก น้ำปลา ชนิด Mud Fish Sauce และ Gouramy Fish Sauce เพราะพบสิ่งสกปรก/เน่าเสียเจือปน, ลิ้นจี่กระป๋องในน้ำเชื่อม พบการบวมของภาชนะบรรจุ หรือมีการรั่วซึม, เครื่องแกงเขียวหวาน และเครื่องแกงแดง พบว่าผู้ประกอบการไม่ได้จดทะเบียนการเป็นผู้ผลิตอาหารกระป๋องที่มีความเป็นกรดต่ำ หรือทะเบียนผู้ผลิตอาหารที่ใช้กรดเป็นส่วนประกอบ, มะม่วงหั่นเป็นชิ้นในน้ำเชื่อม พบสารเคมีจำพวกยาปราบศัตรูพืชเจือปน, กล้วยอบแห้ง พบสารซัลไฟต์ ซึ่งไม่ได้ระบุไว้บนฉลากสินค้า, ปลาแมกเคอเรลทอดรสเผ็ด และปลาแมกเคอเรลทอด ในซอสพริก พบว่าสินค้าถูกผลิต บรรจุ หรือเก็บอยู่ในสภาพที่ไม่ถูกต้องตามสุขอนามัย  สาเหตุต่างๆเหล่านี้จึงทำให้ทางการสหรัฐเตรียมทำลายทิ้ง หรือส่งกลับใน 90 วัน
Pumice_Sulpher02.jpg
พืชพรรณธัญญาหารต่างๆ เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบที่เป็นวัตถุดิบ กึ่งสำเร็จรูป หรือสำเร็จรูป แต่ส่วนใหญ่ก็ยังต้องอาศัยวัตถุดิบที่จากภาคการเกษตรเป็นหลัก  และภาคเกษตรกรรมของเรานั้น เกษตรกรยังมีความรู้ความเข้าใจที่มากเพียงพอหรือไม่ในการผลิตพืชผักผลไม้หรือผลิตผลภาคการเกษตรในสาขาอาชีพอื่นๆ ได้อย่างปลอดภัยไร้สารพิษเพื่อให้ตรงต่อความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะผู้บริโภคในประเทศอย่างเราๆที่เป็นชาวไทยด้วยกันเอง  ภาครัฐควรส่งเสริมให้เกษตรกรมีกระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจแบบเข้มข้นเพื่อ ปฏิวัติทางความคิด ติดอาวุธทางปัญญา แก่พี่น้องเกษตรกร เพื่อให้เกิดความสำนึกรับผิดชอบในด้านความปลอดภัยทางอาหารต่อสังคมส่วนรวม
การนำหินแร่ภูเขาไฟ ไม่ว่าจะเป็นซีโอไลท์ (Zeolite), พูมิช (Pumice), ม้อนท์โมริลโลไนท์ (Montmorillonite), ไคลน็อพติโลไลท์ (Clinoptilolite), ซิลิคอน (Silicon), ซิลิก้า (silica), ซิลิสิค แอซิด (silisic acid) ฯลฯ มาใช้ในการเกษตรกรรม (ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหินแร่ภูเขาไฟใช้ในการเกษตร ท่านผู้อ่านสามารถค้นหาเพิ่มเติมได้จากคีย์เวิร์ด Silicon In Agriculture ซึ่งจะมีด๊อกเตอร์ทั่วโลกทั้ง ญี่ปุน, จีน, อเมริกา, บราซิล, อินเดีย, เกาหลี, ออสเตรเลีย ฯลฯ มาประชุมสุมหัวทำการวิจัยและทดลองเรื่องนี้โดยตรง) ประโยชน์จากหินแร่ภูเขาไฟจะช่วยทำให้พืชไร่ไม้ผลได้รับแร่ธาตุอาหารสารอาหาร ฟอสฟอรัส, โพแทสเซียม ธาตุรอง ธาตุเสริม และซิลิก้าที่ละลายน้ำออกมาเป็นประโยชน์ต่อพืชได้ ช่วยทำให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์และแข็งแรง เหมือนการทำการเกษตรเชิงท่องเที่ยวที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ที่มีผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจไปศึกษาดูงานกันอย่างมากมาย อย่างน้อยก็ช่วยทำให้การผลิตพืชไร่ไม้ผลแบบปลอดภัยไร้สารพิษ ทำได้ง่ายขึ้น มีทางเลือกมากขึ้น และลด ละ เลี่ยง เลิกการใช้สารพิษไปโดยปริยาย

คุณมนตรี  บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ  www.thaigreenagro.com
http://www.thaigreenagro.com/Aticle.aspx?id=14294&Param2=13

ไม่มีความคิดเห็น: