การเฝ้าระแวดระวังอย่างไม่ไว้วางใจจากสหภาพยุโรปเกี่ยวกับพืชผักผลไม้จากประเทศไทยเรา
เนื่องด้วยมีรายงานว่าเราได้ใช้สารเคมีที่เป็นพิษในภาคการเกษตรมากเป็นอันดับที่ 5
ของโลก โดยองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) พืชผักผลไม้ที่วางจำหน่ายทั่วไปและเป็นที่นิยมสำหรับการบริโภคของคนไทย
อย่างเช่น ข้าว กาแฟ ถั่วฟักยาว ผักชี ผักกาด อ้อย คะน้า และพืชตระกูลแตง
มีสารพิษตกค้างเกินมาตรฐานถึง 40 % ในจำนวนนั้นเป็นสารเคมีกำจัดศัตรูพืชร้ายแรง 4
ชนิดที่หลายประเทศทั่วโลกได้ประกาศยกเลิกการใช้สารเคมีเหล่านี้แล้ว ได้แก่ สารไดโครโดฟอส
สารเมโทบิล หรือ แลนเนท สารคาร์โบฟูราน หรือฟูราคาน สารอีพีเอ็น หรือคูมิฟอส,
|
ล่าสุดนี้ก็มีข่าว ยูเอสเอฟดีเอ
ซึ่งเป็นองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาปฏิเสธนำเข้าอาหารจากไทย 12 รายการ
ได้แก่ มะขามหวาน มะขาม เส้นก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก น้ำปลา ชนิด Mud
Fish Sauce และ Gouramy Fish Sauce เพราะพบสิ่งสกปรก/เน่าเสียเจือปน,
ลิ้นจี่กระป๋องในน้ำเชื่อม พบการบวมของภาชนะบรรจุ หรือมีการรั่วซึม,
เครื่องแกงเขียวหวาน และเครื่องแกงแดง
พบว่าผู้ประกอบการไม่ได้จดทะเบียนการเป็นผู้ผลิตอาหารกระป๋องที่มีความเป็นกรดต่ำ
หรือทะเบียนผู้ผลิตอาหารที่ใช้กรดเป็นส่วนประกอบ, มะม่วงหั่นเป็นชิ้นในน้ำเชื่อม
พบสารเคมีจำพวกยาปราบศัตรูพืชเจือปน, กล้วยอบแห้ง
พบสารซัลไฟต์ ซึ่งไม่ได้ระบุไว้บนฉลากสินค้า, ปลาแมกเคอเรลทอดรสเผ็ด
และปลาแมกเคอเรลทอด ในซอสพริก พบว่าสินค้าถูกผลิต บรรจุ หรือเก็บอยู่ในสภาพที่ไม่ถูกต้องตามสุขอนามัย
สาเหตุต่างๆเหล่านี้จึงทำให้ทางการสหรัฐเตรียมทำลายทิ้ง หรือส่งกลับใน 90
วัน
พืชพรรณธัญญาหารต่างๆ เหล่านี้
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบที่เป็นวัตถุดิบ กึ่งสำเร็จรูป หรือสำเร็จรูป
แต่ส่วนใหญ่ก็ยังต้องอาศัยวัตถุดิบที่จากภาคการเกษตรเป็นหลัก และภาคเกษตรกรรมของเรานั้น
เกษตรกรยังมีความรู้ความเข้าใจที่มากเพียงพอหรือไม่ในการผลิตพืชผักผลไม้หรือผลิตผลภาคการเกษตรในสาขาอาชีพอื่นๆ
ได้อย่างปลอดภัยไร้สารพิษเพื่อให้ตรงต่อความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ
โดยเฉพาะผู้บริโภคในประเทศอย่างเราๆที่เป็นชาวไทยด้วยกันเอง
ภาครัฐควรส่งเสริมให้เกษตรกรมีกระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจแบบเข้มข้นเพื่อ
ปฏิวัติทางความคิด ติดอาวุธทางปัญญา แก่พี่น้องเกษตรกร
เพื่อให้เกิดความสำนึกรับผิดชอบในด้านความปลอดภัยทางอาหารต่อสังคมส่วนรวม
การนำหินแร่ภูเขาไฟ ไม่ว่าจะเป็นซีโอไลท์ (Zeolite),
พูมิช (Pumice), ม้อนท์โมริลโลไนท์ (Montmorillonite),
ไคลน็อพติโลไลท์ (Clinoptilolite), ซิลิคอน (Silicon),
ซิลิก้า (silica), ซิลิสิค แอซิด (silisic
acid) ฯลฯ มาใช้ในการเกษตรกรรม
(ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหินแร่ภูเขาไฟใช้ในการเกษตร ท่านผู้อ่านสามารถค้นหาเพิ่มเติมได้จากคีย์เวิร์ด
Silicon In Agriculture ซึ่งจะมีด๊อกเตอร์ทั่วโลกทั้ง ญี่ปุน,
จีน, อเมริกา, บราซิล,
อินเดีย, เกาหลี, ออสเตรเลีย
ฯลฯ มาประชุมสุมหัวทำการวิจัยและทดลองเรื่องนี้โดยตรง)
ประโยชน์จากหินแร่ภูเขาไฟจะช่วยทำให้พืชไร่ไม้ผลได้รับแร่ธาตุอาหารสารอาหาร
ฟอสฟอรัส, โพแทสเซียม ธาตุรอง ธาตุเสริม
และซิลิก้าที่ละลายน้ำออกมาเป็นประโยชน์ต่อพืชได้
ช่วยทำให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์และแข็งแรง
เหมือนการทำการเกษตรเชิงท่องเที่ยวที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย
ที่มีผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจไปศึกษาดูงานกันอย่างมากมาย
อย่างน้อยก็ช่วยทำให้การผลิตพืชไร่ไม้ผลแบบปลอดภัยไร้สารพิษ ทำได้ง่ายขึ้น
มีทางเลือกมากขึ้น และลด ละ เลี่ยง เลิกการใช้สารพิษไปโดยปริยาย
คุณมนตรี
บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
http://www.thaigreenagro.com/Aticle.aspx?id=14294&Param2=13
|
บล็อกนี้เขียนขึ้นเพื่อเสนอผลงาน แนวทาง ทางเลือกใหม่ ในการทำการเกษตรแบบปลอดสารพิษ ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ยึดหลักความรับผิดชอบต่อสังคมผสมผสานกับการพาณิชย์ กล่าวคือ ช่วยเหลือให้คำปรึกษา แนะนำชี้ทางถูกผิด 30% ผสมผสานงานขาย 70% เพื่อความคงอยู่ขององค์กรหรือหน่วยงานต้นสังกัดกล่าวคือชมรมเกษตรปลอดสารพิษ ปรัชญาประจำตัวคือ "ทุกแนวคิด ทุกคำตอบ ทุกงานวิชาการ เพื่อเกษตรกรไทย"สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:คุณเอกรินทร์ ช่วยชู โทร.081-3983128
วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556
หินแร่ภูเขาไฟ ช่วยลดสารพิษ เพิ่มความปลอดภัยในอาหาร
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น