ใน
สภาวะการในประเทศไทย
ณ เวลานี้ที่บ้านเมืองปั่นป่วนวุ่นวายไปหมด
เรื่องที่เป็นกระแสมากที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของชาวนา
เรื่องใบประทวนข้าว เรื่องเงินรับจำนำข้าว
ที่ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าจะจบลงเมื่อไหร่
ทำให้ชาวนาที่ทำนาในรอบหลังๆ
ไม่กล้านำผลผลิตข้าวที่ได้ไปเข้าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลเพราะกลัวไม่
ได้เงินแต่จำนำข้าวที่ได้ไปขายเอาเงินสดกับทางโรงสีเลย
แต่ว่าราคาข้าวที่ซื้อขายกันในปัจจุบัน ราคาอยู่ที่ตันละ 6000
– 7000 บาท ซึ่งถือว่าต่ำมากๆเมื่อเทียบกับราคาที่รัฐบาลรับจำนำ แต่ในเมื่อชาวนาไม่มั่นใจในโครงการรับจำนำข้าวก็จำเป็นต้องขายให้โรงสี
ซึ่งเมื่อดูราคาที่โรงสีรับซื้อกับต้นทุนการทำนา ณ เวลานี้แล้ว ชาวนาแทบไม่เหลืออะไรเลยบางรายถึงกับขาดทุนก็มี
ในเมื่อเรารู้แล้วว่าราคาข้าวที่ซื้อขายในเวลานี้อยู่ที่ตันละไม่ถึง 7000 บาท
และสถานการณ์ด้านการเมืองยังไม่นิ่ง สิ่งที่ทำได้ในเวลานี้ก็คือ
ชาวนาต้องช่วยตัวเองก่อนด้วยการลดต้นทุนการทำนาให้สอดคล้องกับราคาข้าวที่ตก
ต่ำ
ถ้ายังจำกันได้เมื่อย้อนกลับไปดูเมื่อปี 2552 ชาวนา
เราเคยเจอวิกฤตราคาข้าวตกต่ำมาแล้วแต่ก็ผ่านมาได้ด้วยการลดต้นทุนการทำนา
ด้วยการหันมาใช้สารที่ทำให้ปุ๋ยละลายช้าใช้ปุ๋ยใช้ยาที่ราคาถูกๆ
|
แนวทางการลดต้นทุนของชมรมเกษตรปลอดสารพิษเรา
1. เริ่มจากการไม่เผาฟางในนา เปลี่ยนจากการเผาฟางเป็นหมักฟางแทนเพราะในฟางข้าวมีทั้ง
ธาตุอาหารหลัง รอง เสริม ที่เป็นอาหารของข้าวอยู่ครบเลย ถ้าเราเผาฟางก็เหมือนว่าเราเผาปุ๋ยดีๆไป
1 ลูกต่อไร กลับกันถ้าเราไม่ทำการเผาฟางแต่หันมาหมักฟางก็เหมือนเราได้ปุ๋ยมาฟรีๆ
1 ลูกต่อไร่
2. การทำให้ต้นข้าวแข็งแรงแข็งแกร่ง มีภูมิต้านทานต่อโรคและแมลง ด้วยการใช้หินแร่ภูเขาไฟพูมิชซัลเฟอร์หว่านตอนทำเทือกไร่ละ
20-40 กิโลกรัมเพื่อให้ข้าวมีธาตุซิลิก้าซึ่งเป็นสารที่สร้างความแข็งแกร่งจากพูมิ
ชซัลเฟอร์กินตั้งแต่แรก จะช่วยให้ข้าวมีความแข็งแกร่ง ไม่ค่อยเป็นโรคเชื้อรา
ลดการเข้าทำลายของเพลี้ยหนอนได้เนื่องจาก เพลี้ยหนอนกัดกินใบข้าวหรือดูดน้ำเลี้ยงไม่ได้เพราะข้าวเซลล์แข็งได้แต่
อาศัยอยู่ในแปลงนา วิธีการทำให้ข้าวแข็งแรงนี้จะช่วยลดต้นทุนเรื่องการฉีดยาฆ่าแมลง
ทั้งค่ายาฆ่าแมลง ค่าฉีด(กรณีที่จ้างฉีด)
3. การใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวแค่ 1-2 ถัง
แทนที่จะใช้พันธุ์ข้าว 3-4 ต่อไร่ ซึ่งราคาข้าวปลูก 1
ถังประมาณ 200 บาท ถ้าเราใช้ข้าวปลูกแค่ 1-2
ถัง เราจะลดต้นทุนเรื่องค่าเมล็ดพันธุ์ไปได้ไร่ละ 200 - 400 บาททันที่ตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำนาด้วยซ้ำ แต่เกษตรกรก็ยังกลัวที่จะหว่านบางบางเพราะกลัวไม่ได้ผลผลิต
บ้างก็บอกว่าหว่านข้าวเยอะเพราะหว่านเผื่อนกเผื่อหนูมากิน แต่ถ้าเราทำให้ข้าวที่หว่านไปมีรสชาติขม
โดย
การผสมผงสมุนไพรไทเกอร์เฮิร์บไป
ทำให้นก หนูกินไม่อร่อยก็ช่วยลดการกินของหนูได้
การหว่านข้าวบางยังมีประโยชน์ในเรื่องของการระบาดของโรคและแมลงอีกด้วยเพราะ
ข้าวบางทำให้แสงแดดส่องถึงพื้นน้ำช่วยให้เชื้อราไม่ระบาดละไม่เป็นที่อาศัย
ของแมลงศัตรูข้าวอีกด้วย
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการลดต้นทุนแบบชมรมเกษตรปลอดสารพิษ
ขนาดยังไม่เริ่มทำนาเลยก็ลดต้นทุนลงไปไปได้มากแล้ว
เรายังมีเทคนิคการลดต้นทุนการทำนาอีก ทั้งการลดต้นทุนค่าปุ๋ย
ลดต้นทุนเรื่องยา
ลดต้นทุนเรื่องการฉีดยา การทำให้ได้ผลผลิตเต็มเม็ดเต็มหน่วย
แต่ขอนำเสนอในบทความตอนหน้า
โปรดติดตามการลดต้นทุนการทำนาได้ในตอนต่อไปนะครับ
สอบถามข้อมูลเพิ่ม
เติมได้ที่คุณจตุโชค จันทรภูมี(ผู้เขียน) โทร.085-9205846 หรือสอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ของชมรมเกษตรปลอดสารพิษ โทร.02-9861680-2
เขียนและรายงานโดย
นายจตุโชค
จันทรภูมี
|
บล็อกนี้เขียนขึ้นเพื่อเสนอผลงาน แนวทาง ทางเลือกใหม่ ในการทำการเกษตรแบบปลอดสารพิษ ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ยึดหลักความรับผิดชอบต่อสังคมผสมผสานกับการพาณิชย์ กล่าวคือ ช่วยเหลือให้คำปรึกษา แนะนำชี้ทางถูกผิด 30% ผสมผสานงานขาย 70% เพื่อความคงอยู่ขององค์กรหรือหน่วยงานต้นสังกัดกล่าวคือชมรมเกษตรปลอดสารพิษ ปรัชญาประจำตัวคือ "ทุกแนวคิด ทุกคำตอบ ทุกงานวิชาการ เพื่อเกษตรกรไทย"สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:คุณเอกรินทร์ ช่วยชู โทร.081-3983128
วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
ลดต้นทุนการทำนา ทางรอดเดียวของชาวนาในยามนี้
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น