ผลผลิตอ้อยส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับสภาพของดิน ดินที่เหมาะสมต้องร่วนไม่แบ่งเป็นชั้น หน้าดินไม่แพ็คแน่นเป็นดาน พื้นที่ส่วนใหญ่เมื่อปลูกอ้อยไปแล้ว 1-2 รอบ ก็จะระเบิดดินดานด้วยผานสามหรือสี่ก่อนไถ่พรวนอีกรอบ ให้ดินร่วนซุยอ้อยหยั่งรากได้ลึก รากไม่ลอยทำได้หลายตอ อีกทั้งดินยังสามารถซับน้ำซับปุ๋ยได้ดีกว่าเดิม สำหรับเกษตรกรรายย่อยต้นทุนน้อย ไม่สะดวกใช้รถแทรกเตอร์ไถระเบิดดินก็ให้ใช้สารละลายดินดาน ALS 29% แทน
พื้นที่ปลูกอ้อยส่วนใหญ่ถูกดัดแปลงจากท้องนาซึ่งเป็นดินเหนียวไม่ค่อยระบายน้ำ
หากต้องการให้ดินร่วนก็ต้องอาศัยใส่พูมิชซัลเฟอร์อย่างน้อยไร่ละ 20-40 กิโลกรัม
ยิ่งใส่ทุกๆปีดินยิ่งร่วนซุยขึ้นเรื่อยๆ ครั้งต่อไปก็ไถง่ายขึ้น
ประหยัดค่าน้ำมันได้มาก ดินร่วนขึ้นอ้อยหยั่งรากออกด้านข้างได้ดี และสามารถซึมซับไอน้ำใต้ดินได้ดีอีกด้วย
นอกจากนี้ยังช่วยดูดซับน้ำสำรองให้พืชไว้ใช้หลังฝนตกได้นานวันขึ้น
ที่สำคัญช่วยจับตรึงไนโตรเจนและโพแทสเซียมให้ละลายช้าลง
ลดการชะล้างเวลาฝนตกหรือน้ำขัง ทำให้สามารถใช้ปุ๋ยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ดินแน่นแข็งกระด้างขาดอินทรียวัตถุให้เติมโพแทสเซียมฮิวเมทร่วมกับปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยหมัก
ปุ๋ยคอก ปุ๋ยอินทรีย์ ฯลฯ
เพราะปุ๋ยอินทรีย์ช่วยให้ปุ๋ยที่ละลายได้น้อยที่มีอยู่ในดินให้ละลายเพิ่มขึ้น
ทำให้พืชได้รับประโยชน์มากขึ้น แม้ว่าปุ๋ยอินทรีย์จะมีประโยชน์ตามที่กล่าวข้างต้นจริง
แต่การให้ปุ๋ยอินทรีย์เพียงอย่างเดียว พืชก็ได้รับเปอร์เซ็นต์ปุ๋ยไม่เพียงพอ
การใช้ร่วมกับปุ๋ยเคมีจึงยังเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่หากต้องการลดต้นทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ควรใช้พูมิช 20 กิโลกรัมคลุกผสมร่วมกับปุ๋ยเคมี 50 กิโลกรัมหรืออินทรีย์ 100 กิโลกรัมเป็นปุ๋ยละลายช้า
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ 02-9861680-2 หรือ 089-4442366
(เอกรินทร์)เขียนและรายงานโดย : ทีมงานชมรมเกษตรปลอดสารพิษ
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น