ปีนี้
ประชาชนคนไทยคงได้ชุ่มชื้นฉ่ำใจกับวันที่
5 ธันวามหาราชไปแล้วเมื่อวานนี้
อีกทั้งได้มีโอกาสน้อมนำพระราชดำรัสพ่อหลวงของเราชาวไทยทุกถ้วนทั่วตัวตน
เพื่อนำไปใส่เกล้าใส่กระหม่อมน้อมนำปฏิบัติในสิ่งที่พ่ออยากให้เป็น
อยากให้ทำนั่นก็คือ
เรื่องของความรู้รักสามัคคีของคนในชาติให้ถ้วนทั่วทุกตัวตนซึ่งจะทำให้เกิด
ความสงบสุขและเกิดความปีติยินดีมีความสุขกับพ่อหลวงของเราชาวไทยทั้งประเทศ
ที่ไม่ต้องทนทุกข์ ทนเห็นลูกๆ มัวแต่ทะเลาะเบาะแว้งกัน
|
อากาศที่หนาวมาก
หนาวนานกว่าปีก่อนๆในห้วงช่วงสองสามปีมานี้ก็ถือเป็นปัจจัยที่ตอกย้ำให้พวกเราชาวไทยได้มีความสุขกับบรรยากาศที่น่าพักผ่อนหย่อนใจ
ตะลอนไปในที่ต่างๆเพื่อสร้างความสุขให้แก่ตนเองและครอบครัว
เนื่องด้วยประเทศไทยเรานั้นมีสถานที่ให้ท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวความสุขมากมาย
ทั้งดอยอ่างขาง, ดอยสุเทพ, ดอยอินทนนท์,
ภูชี้ฟ้า, ภูกระดึง, ไร่ทานตะวัน,
ปาย และอื่นๆอีกมากมาย ที่ผู้เขียนไม่สามารถนำมาบอกกล่าวได้หมด
แต่ที่สำคัญความหนาวนี้ย่อมมีผลและนัยยะต่อการทำเกษตรกรรมของพี่น้องเกษตรกรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน
เพราะจะทำให้พืชหยุดหรือชะงักการเจริญเติบโต
อีกทั้งในพื้นที่ที่หนาวจัดอาจจะทำให้เกิดแม่คะนิ้งหรือน้ำค้างแข็ง
โมเลกุลของน้ำที่มี 3 สถานะนั้น คือเป็นของแข็ง, ของเหลว
และก๊าซ
เมื่อโดยปรกติน้ำที่เป็นของเหลวอยู่ในเซลล์ของพืชก็จะช่วยในเรื่องของการทำให้เซลล์เต่งตึง
ขับเคลื่อนสารอาหาร แต่เมื่ออุณหภูมิต่ำลง
น้ำจะเปลี่ยนสถานะจากของเหลวกลายเป็นของแข็ง ซึ่งจะทำให้มวลขยายใหญ่ขึ้น
เมื่อขยายใหญ่ขึ้นและเป็นของแข็งจึงทำให้เซลล์พืชแตกหักถูกทำลาย
ถึงช่วงสายอุณหภูมิสูงขึ้นน้ำเปลี่ยนจากของแข็งเป็นของเหลวและก๊าซบางส่วน
ทำให้เนื้อเยื่อเซลล์ที่ถูกทิ่มแทงกลายเป็นรอยบอบช้ำ ไหม้เกรียม
วิธีผ่อนหนักเป็นเป็นเบาคือลดการเกาะติดของน้ำในช่วงกลางคืนด้วยการใช้ สารจับใบ
ม้อยเจอร์แพล้นท์ นำมาฉีดพ่นในช่วงเย็น เพื่อให้เคลือบผิวใบไว้
ป้องกันหยดน้ำที่จะมาเกาะที่ใบในช่วงกลางคืนให้ไหลหลุดร่วงหล่นไปที่พื้นดิน
หยดน้ำเกาะที่ใบน้อย น้ำที่จะแข็งเคลือบใบพืชก็น้อย
เหลือแต่เพียงน้ำที่อยู่ภายในเซลล์ การทำลายของน้ำต่อเซลล์พืชก็จะน้อยลง
ปัญหาเรื่องความหนาวใช่ว่าจะหมดไปแค่นั้น
ยังมีเรื่องของผลกระทบต่อการเผาผลาญอาหารของพืชด้วยเช่นกัน
คือกระบวนการดูดกินสารอาหารในพืชก็จะเฉื่อยเอื่อยลงด้วยเช่นกัน
เมื่อพืชไม่สามารถที่จะดูดกินอาหารได้ดั่งเดิม ก็ย่อมจะแสดงออกมาทางใบให้พี่น้องเกษตรกรได้เห็น
เช่นใบจะเริ่มเหลือง ชะงัก หยุดการแตกกอต่อยอด
เกษตรกรบางท่านอาจจะตกใจและเร่งใส่ปุ๋ยไนโตรเจนหรือปุ๋ยที่มีตัวหน้าสูงๆ
เข้าไปทันที จะบอกว่าวิธีการแบบนั้นถือว่าไม่ถูกต้องมากนัก เพราะหลังจากที่อากาศกลับมาเป็นปรกติจะทำให้พืชนั้น
อวบอ้วน เฝือใบ งามเกิน จนอ่อนแอง่ายต่อการเข้าทำลายของโรคและแมลง
วิธีการแก้ไขต้องปรับแต่งแร่ธาตุสารอาหารที่มีผลต่อการ เมแทบอลิซึม (metabolism)
คือการให้แร่ธาตุกำมะถัน, สังกะสี, นิกเกิล และซิลิสิค แอซิด ฯลฯ (ชื่อการค้า “ไรซ์กรีนพลัส”)
ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำให้พืชสร้างภูมิต้านทานต่ออากาศที่แปรปรวนหนาวจัด
หรือร้อนจัดได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งไม่ทำให้พืชอวบอ้วนอ่อนแอเหมือนการใช้ปุ๋ยยูเรีย
คุณมนตรี
บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
|
บล็อกนี้เขียนขึ้นเพื่อเสนอผลงาน แนวทาง ทางเลือกใหม่ ในการทำการเกษตรแบบปลอดสารพิษ ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ยึดหลักความรับผิดชอบต่อสังคมผสมผสานกับการพาณิชย์ กล่าวคือ ช่วยเหลือให้คำปรึกษา แนะนำชี้ทางถูกผิด 30% ผสมผสานงานขาย 70% เพื่อความคงอยู่ขององค์กรหรือหน่วยงานต้นสังกัดกล่าวคือชมรมเกษตรปลอดสารพิษ ปรัชญาประจำตัวคือ "ทุกแนวคิด ทุกคำตอบ ทุกงานวิชาการ เพื่อเกษตรกรไทย"สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:คุณเอกรินทร์ ช่วยชู โทร.081-3983128
วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556
หนาวแล้วไม่แคล้วต้องแก้ปัญหาเรื่องพืชใบเหลือง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น