ท่านผู้อ่านครับ ท่านทราบหรือไม่ว่าขณะนี้
บ้านเมืองของเรานั้นกำลังเจริญรุดหน้าไปอย่างมากมายในหลายๆ ด้าน
ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง(อยู่ในช่วงอินเทรนทีเดียวเชียวล่ะครับ..อิอิ) เศรษฐกิจ
สังคม วัฒนธรรมนวัตกรรมเทคโนโลยี ทำให้สิ่งของบางอย่างที่เราเคยใช้ได้สัมผัสนั้นค่อยอันตรธานหายไปทีละเล็กทีละน้อยแบบตายผ่อนส่ง...
|
อย่างเช่นในเรื่องของฟิล์มที่ในอดีตถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับช่างภาพทุกคน
แต่เพียงชั่วพริบตา ฟิล์มก็แทบจะหายไปจากสาระบบมีใช้กันเพียงกลุ่มเล็กๆซึ่งถือว่าน้อยมากปรากฏการณ์นี้ถึงกับทำให้
โกดัก(KODAK)
ถึงกลับเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ล้มละลายหายไปในทันทีหลังจากที่มีการปรับตัวล่าช้า...ทั้งที่เดิมทีเป็นผู้นำเกี่ยวกับวงการถ่ายภาพ
แตกต่างจากฟิล์มสีฟูจิที่ถือว่าในขณะนั้นเป็นเบอร์สอง
แต่มีการปรับตัวได้ทันการณ์หันไปพัฒนาเกี่ยวกับกล้องถ่ายรูปดิจิตอลด้วยจึงสามารถรักษาตัวรอดปลอดภัยมาจนถึงปัจจุบัน...อ๊ะอ๊ะ
เรื่องกล้องถ่ายรูปนี่ก็ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งถือว่าถูกความเจริญเปลี่ยนผ่านไปด้วยเช่นกัน
เพราะว่าปัจจุบันกล้องที่ใช้ฟิล์มก็แทบจะไม่มีให้เห็นกันแล้วในขณะนี้
ไปแอบนอนพักกันอยู่ในพิพิธภัณฑ์เสียเป็นส่วนใหญ่
ตั้งแต่มีรีโมททีวีออกมาเราก็เลยลืมกันไปเลยว่าไม่ต้องลุกหรือเดินไปกดเปลี่ยนช่องทีวีกันตั้งแต่เมื่อไรแล้ว
เราลืมไปเลยว่าเราไม่ได้ดูวีดิโอและฟังเทปคาสเซทมานานมาก
ร้านเช่าวิดีโอที่ให้ความบันเทิงแก่วัยรุ่นนักศึกษาก็ไม่ต้องพูดถึง
ยุคสมัยนี้มีแต่ดีวีดีบลูเรย์ วีซีดีที่ว่าแน่ก็เริ่มบางตาไปทุกขณะ
วงการเพลงก็เปลี่ยนเป็นดาวน์โหลดแทนการเดินไปซื้อตามแผง ให้เสียเวล้ำเวลา
แล้ววงการเกษตรบ้านเราล่ะครับ
ท่านผู้อ่านพอจะนึกได้ไหมล่ะครับ
ว่ามีอะไรที่หายไปจากวงจรชีวิตเกษตรกรอย่างเราๆกันบ้าง...ลองช่วยกันนึกดูนะครับ
อย่างเช่นการใช้ควายไถนา อาชีพรับจ้างดำนาเกี่ยวข้าว เคียว คราด ไถ
สิทธิ์ความเป็นเจ้าของที่ดินของเกษตรกรเปลี่ยนเป็นผู้เช่า
การใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงแทนการใช้ปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกและพืชสมุนไพรไล่แมลง
การเลี้ยงไก่ไว้ใต้ถุน เล้าหมู บ่อปลา (ปัจจุบันเน้นทำเป็นฟาร์มใหญ่ใช้ทุนเป็นแสนๆ)
และปลูกไผ่ไว้ข้างบ้าน ลอมฟางที่ขวัญเรียมเคยพร่ำพรอด
หอมกระเทียมไทยหายไปส่วนใหญ่ใช้กระเทียมจีน อาชีพและเด็กเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย
เส้นแบ่งระหว่างประเทศเริ่มเลือนลางเมื่อทุกชาติต่างร่วมกลุ่มชุมนุมเป็นชาวอาเซียน
ฯลฯ สิ่งละอันพันละน้อยที่กล่าวถึงจะพอมีอยู่บ้างแต่ก็หาดูได้ยากเต็มที
ทุกสิ่งอย่างล้วนแต่ผันแปรเปลี่ยนไปตามกฎของ
อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา ไม่มีสิ่งใดๆที่ควรยึดเหนี่ยวติดรั้ง
มีแต่จะต้องปรับตัวเปลี่ยนแปลงให้ตัวเราเข้ากับยุคสมัยได้อย่างมีความสุข
ไม่ทุกข์ร้อนเมื่อต้องปรับตัว ตื่นรู้อยู่เสมอ อาชีพเกษตรกรรมกับการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบันก็ต้องปรับตัว
เพื่อแบ่งปัน ขันแข่ง กับความเปลี่ยนแปลงของประชากรอาเซียนอีก 600 ล้านคน ซึ่งในปี 2558
นี้จะค่อยเริ่มดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบทั้ง (AEC ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน,
ASCC ประชาคมสังคมและวัฒนะธรรมอาเซียน,APSC ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน)
ซึ่งถ้าเราชาวเกษตรไม่รู้เรื่องการลดต้นทุน การใช้ปัจจัยทดแทน การพึ่งพิงตนเอง
การเพิ่มมูลค่าการแปรรูป ฯลฯ เราก็อาจจะเสียเปรียบเพื่อนบ้านอาเซียนในหลายๆด้านได้
อย่างน้อยต้องปรับตัวให้อยู่ร่วมกันได้แบบ วิน- วินนะครับ
อย่าปล่อยให้ตนเองล้าสมัยสูญหายไปจากโลกใบนี้ทีเดียวเชียวล่ะครับ
คุณมนตรี บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
|
บล็อกนี้เขียนขึ้นเพื่อเสนอผลงาน แนวทาง ทางเลือกใหม่ ในการทำการเกษตรแบบปลอดสารพิษ ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ยึดหลักความรับผิดชอบต่อสังคมผสมผสานกับการพาณิชย์ กล่าวคือ ช่วยเหลือให้คำปรึกษา แนะนำชี้ทางถูกผิด 30% ผสมผสานงานขาย 70% เพื่อความคงอยู่ขององค์กรหรือหน่วยงานต้นสังกัดกล่าวคือชมรมเกษตรปลอดสารพิษ ปรัชญาประจำตัวคือ "ทุกแนวคิด ทุกคำตอบ ทุกงานวิชาการ เพื่อเกษตรกรไทย"สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:คุณเอกรินทร์ ช่วยชู โทร.081-3983128
วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2557
ยุคเปลี่ยนแปลงต้องปรับตัว
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น