วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557

น้ำแห้งดินเค็ม ข้าวตายกุ้งปลาเลี้ยงไม่ได้ ทำอย่างไรดี ?

น้ำทะเลหนุนขึ้นเรื่อยๆทำเอาเกษตรกรลุ่มน้ำบางปะกงแย่ตามๆกัน จะปลูกข้าวดินก็เค็ม จะเลี้ยงกุ้งน้ำก็ไม่มีน้ำ อากาศยิ่งแล้วใหญ่ออกจากบ้านแต่ละทียังกะมนุษย์หุ้มเกราะ มิเช่นนั้นหนังกรอบไหม้เกรียมเป็นไก่ย่างแน่ ปลูกได้ก็เสียหายต้นตายรวงลีบ ไม่เคยพบเคยเจอ...ที่นิ่งๆข้าวใบไหม้แล้วยืนต้นตายแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยมากก่อน ยิ่งเลี้ยงกุ้งด้วยแล้วยิ่งน่าสงสารหนักเข้าไปอีก ปกติชาวประมงแถบนี้เลี้ยงกุ้งน้ำจืด พอน้ำเค็มขึ้นคราวนี้ไปไม่ถูก หยุดเลี้ยงตกงานกันระนาว

ปีก่อนๆไม่เคยมีปัญหาอาจเป็นเพราะน้ำทะเลไม่หนุนมากเหมือนอย่างปีนี้ก็เป็นได้ หรือส่วนหนึ่งเกิดจากอากาศร้อนแล้งยาวนานทำให้น้ำจืดลดลง สังเกตว่าปลาในคลองลอยหัวขึ้นฮุบอากาศบ่อยครั้ง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะฝนทิ้งช่วงนานเกินไป เมื่อน้ำจืดธรรมชาติลดลงน้ำทะเลก็จะหนุนเข้าแทนที่ เมื่อน้ำเค็มทะลักมากเข้าๆ ดินเค็มจะเพาะปลูกข้าวก็ไม่ได้ ว่าจะเอาน้ำเลี้ยงกุ้งก็ดันไม่มีอีก
ปลูกพืชหมุนเวียนใช้น้ำน้อยอาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกร พอมีอาชีพหาเลี้ยงปากท้องไปก่อน ส่วนไล่เกลือจากดินให้ใช้ปูนมาร์ลหว่านปรับสภาพตรงจุดที่หน้าดินเค็มแต่ดินชั้นล่างยังเป็นกรดอยู่ ส่วนพื้นที่ใดหน้าดินเค็มดินชั้นล่างเป็นด่างให้หว่านยิปซั่มจะได้ผลดีกว่า ที่เลือกวิธีแทนการล้างหรือขังน้ำก็เพราะว่าน้ำจืดเรามีจำกัด เป็นวิธีที่สามารถประหยัดน้ำ เห็นผลเร็ว ต้นทุนต่ำ ที่สำคัญไม่เสียเวลา เกษตรกรสูญเสียรายได้น้อย
หากเกษตรกรมองว่าวิธีข้างต้นยังยุ่งยากเพราะไม่รู้ว่า เค็ม-กรด, เค็ม-ด่างเป็นอย่างไร? อย่างนี้แล้วกันครับ เมื่อไหร่น้ำในนาเริ่มกร่อยใบข้าวเริ่มไหม้ให้เกษตรกรหว่านภูไมท์ซัลเฟตกระสอบสีแดงทันที สามารถลดปัญหาข้าวใบไหม้ยืนต้นตายจากน้ำเค็มหรือน้ำกร่อยได้ ส่วนประมงที่เลี้ยงกุ้งเลี้ยงปลาอาจต้องใช้สูตร 1 ต่อ 1 คือ เลี้ยง 1 บ่อ พักน้ำ 1 บ่อ ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยเข้ากับสถานการณ์น้ำในปัจจุบันมากที่สุด สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ (02-9861680-2) หรือผู้เขียน (081-6929660)

เขียนโดย : คุณเอกรินทร์  ช่วยชู (นักวิชาการชมรมฯ)
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com

ไม่มีความคิดเห็น: