เมื่อกล่าวถึงสถานการณ์เกี่ยวกับราคาสินค้าภาคเกษตร
ณ เวลานี้บอกได้คำเดียวว่าแย่มากๆถึงมากที่สุดครับ โดยเฉพาะ ข้าว และยางพารา
ที่ถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ ราคาข้าวอยู่ที่เกวียนละไม่เกิน 7-8
พันบาท ยางพารากิโลกรัมละ 57 บาท เกษตรกรเริ่มแย่ไม่ค่อยจับจ่ายใช้สอย
ทำให้เศรษฐกิจด้านอื่นๆซบเซาลงไปด้วย เช่น สินค้าด้านอุปโภค-บริโภค
แต่ที่หนักอยู่ตอนนี้น่าจะเป็นชาวนาที่ต้องเจอวิบากกรรม เรื่องของราคาข้าวตกต่ำ
ต้นทุนในการทำนาสูง ซึ่งตอนนี้ต้นทุนการทำนาใน 1 รอบอยู่ที่เกือบ 8,000 บาท
บางคนก็มีต้นทุนเรื่องค่าเช่าเข้ามาอีก
ยิ่งค่าเช่าในปัจจุบันนี้ยึดตามช่วงที่ราคาข้าวช่วง 15000 บาท
โดยค่าเช่านาตอนนี้อยู่ที่ 2000 บาท ต่อไร่ต่อการทำนา 1 ครั้ง ต่างจากแต่ ก่อนที่ราคาค่าเช่านาอยู่ที่ไร่ละ 1000-2000
บาทต่อปี จนถึงขั้นมีการร้องไปยัง ค.ส.ช.ให้เข้ามาควบคุมเรื่องราคาค่าเช่านาที่สูงเกินจริงอยู่ในเวลานี้
|
ทางทีมงานชมรมเกษตรปลอดสารพิษมองว่าทางรอดเดียวในเวลานี้เกี่ยวกับการทำนาก็คือการลดต้นทุนการการทำ
ซึ่งการลดต้นทุนการทำนาสามารถทำได้หลากหลายวิธี
ซึ่งในการช่วยลดต้นทุนการทำนาได้ก็คือ การใช้ปุ๋ย-ยา ให้เป็น
ขยายความของคำว่าการใช้ปุ๋ย-ยาให้เป็นก็คือ การใช้ปุ๋ย-ยา
ที่จำเป็นมีประโยชน์สำหรับข้าว สิ่งไหนที่ไม่จำเป็นก็ตัดออกไปซะ
ใช้เฉพาะตัวที่จำเป็นจริงๆ ก็น่าแปลงใจเหมือนกันเกี่ยวกับพฤษติกรรมการทำนาของชาวนา
ซึ่งเรื่องของราคาข้าวตกต่ำนี้เคยมีมาแล้วเมื่อปี 2552
ในตอนนั้นชาวนาจะประหยัดเรื่องของการใส่ปุ๋ยฉีดยากันมาก แต่พอมาช่วงที่มี
ประกันราคาข้าว ต่อด้วยรับจำนำ ชาวนาก็จะเปลี่ยนมาใช้ยาแพงๆ ชุดละเป็นพัน
ทั้งที่ภายในตัวยาหรือฮอร์โมนที่ชาวนาเรียกกันจนติดปากที่จริงแล้วมันก็คือหลายอาหารรองธาตุอาหารเสริมของพืช
เช่น แมกนีเซียม โบรอน สังกะสี วิตามิน เหล็ก ทองแดง แมงกานีส เป็นต้น
ซึ่งมีอยู่ทั่วไปหลากหลายตามร้านเคมีเกษตร
เราควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของธาตุอาหารครบ
อัตราการใช้น้อย(เพราะอัตราการใช้น้องแสดงว่ามีปริมาณสารที่เข้มข้น)
มาใช้ไมจำเป็นว่าต้องยาดียาแพงเสมอไป ต้นทุนเรื่องค่ายาฮอร์โมนของชาวนาทุกวันนี้จากที่เช็คข้อมูลดูแล้วตกอยู่ไร่ละ
1000-2000 บาทเลยทีเดียว ถ้าเราเซฟเรื่องการฉีดฮอร์โมนลงไปได้แล้ว
ก็เป็นการประหยัดต้นทุนลงไปได้อีกทางหนึ่ง
ฮอร์โมนสำหรับข้าวของทางชมรมเกษตรปลอดสารพิษแนะขำให้ใช้
ซิลิโคเทรซ + ไวตาไลเซ่อร์ + ไคโตซานMT เป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มธาตุอาหารพืช
เป็นอาหารเสริมให้กับพืชทุกชนิดรวมไปถึงข้าวด้วย ถ้ารวมผลิตภัณฑ์ 3
อย่างนี้เข้าด้วยกันแล้วจะได้ธาตุอาหารรองเสริมครบเลยแถมมีธาตุพิเศษอย่าง
ไคโตซานและซิลิก้าด้วย แถมอัตราการใช้ก็น้อยมากเพียง ใช้อย่างละ 5 กรัม ต่อน้ำ 200
ลิตร ชุดหึ่งก็ฉีดได้ 2000 ลิตร ฉีดได้ 50 ไร่ โดยต้นทุนเพียง 500 บาท ประเด็นที่ผู้เขียนอยากจะสื่อกับชาวนาก็คือ
การทำนาไม่จำเป็นว่าต้องใช้ของแพงเสมอไป ของดีราคาถูกก็มี
เพียงแต่เรารู้จักเลือกรู้จักสรรหาสิ่งที่มีประโยคและจำเป็นจริงๆ
สิ่งที่ไม่จำเป็นต่างๆเช่น ยาฉีดให้เมล็ดใส ข้าวไม่ลาย ยาฉีดให้ข้าวออกพร้อมกัน
ยาฉีดกระชากรวง
ต่างๆเหล่านี้ให้ตัดออกซะจะฉีดให้เมล็ดเหลืองสวยไปทำไมในเมื่อโรงสีก็ซื้อคุณราคาเดียวกันกับข้าวคนอื่นๆ
เราควรทำนาให้เป็นนะครับ เพื่อให้มีกำไรเหลือไปใช้หนี้ต่างๆที่แบกรับอยู่ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่คุณจตุโชค
จันทรภูมี โทร.085-9205846 หรือสอบถามไปที่เบอร์ HOTLINE ส่วยด่วนของทางชมรมเกษตรปลอดสารพิษที่เบอร์
084-5554205 ถึง 084-5554209
เขียนและรายงานโดย : นายจตุโชค จันทรภูมี (นักวิชาการ)
|
บล็อกนี้เขียนขึ้นเพื่อเสนอผลงาน แนวทาง ทางเลือกใหม่ ในการทำการเกษตรแบบปลอดสารพิษ ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ยึดหลักความรับผิดชอบต่อสังคมผสมผสานกับการพาณิชย์ กล่าวคือ ช่วยเหลือให้คำปรึกษา แนะนำชี้ทางถูกผิด 30% ผสมผสานงานขาย 70% เพื่อความคงอยู่ขององค์กรหรือหน่วยงานต้นสังกัดกล่าวคือชมรมเกษตรปลอดสารพิษ ปรัชญาประจำตัวคือ "ทุกแนวคิด ทุกคำตอบ ทุกงานวิชาการ เพื่อเกษตรกรไทย"สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:คุณเอกรินทร์ ช่วยชู โทร.081-3983128
วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
ต้องลดต้นทุนการทำนาข้าวทางรอดเดียวในยุคนี้ ตอนที่1
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น