เทคนิคและวิธีการต่างๆเยอะแยกมากมายในโลกอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับวิธีการปลูก
พืชหรือประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำแล้วรวยทำแล้วมีเงินหรือทำแล้วไม่มีคำว่าขาด
ทุน
ต่างคนต่างก็มีวิธีการที่จะนำเสนอรูปแบบการปฏิบัติเพื่อให้พี่น้องเกษตรกร
นั้นสามารถปลูกพืชแล้วได้ผลผลิตออกมาจำหน่ายจ่ายแจกได้จริง
แต่น้อยคนนักเมื่อลงทุนลงแรงไปแล้วจะย้อนกลับไปทบทวนค่าดูแลบำรุงรักษา
ค่าใช้จ่ายในการเก็บเกี่ยว การขนส่ง
หักลบกลบหนี้แล้วเหลือกำไรมากน้อยเท่าใดนั้นจะมีสักกี่คนที่ทราบ
เพราะได้เงินจากค้าขายผลผลิตแล้วก็แทบจะลืมเหน็ดเหนื่อย.
เพื่อนบ้านมาถามมาแสดงความยินดีก็จะบอกแต่ด้านที่ดีมีกำไรสดใสสวยงาม
นอกจากจะติดลบหนักจริงๆนั่นแหละจึงจะยอมบอกเพราะยอมจำนนต่อหลักฐานหรืออีก
เหตุผลหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะนิสัยแบบไทยไทยเราที่ไม่อยากให้เพื่อนบ้านมี
ความทุกข์ไปกับเราด้วยก็เป็นได้ครับ
การที่เราไม่ยอมทำบัญชีต้นทุนการผลิต
การที่เราไม่ทำบัญชีครัวเรือนนี่แหละครับคือปัญหาสำคัญที่จะทำให้เรามีตีน
ทุนการผลิตสูง เพราะจ้องแต่จะหาปุ๋ยยาฮอร์โมนชนิดดีมีโฆษณาถี่ๆ
มาใช้ในเรือกสวนไร่นาจนเกินความจำเป็น
ถ้าลองคำนวนวางแผนดูต้นทุนการผลิตให้ละเอียดถี่ถ้วน
และกำหนดเป้าประะสงค์ของผลผลิตที่จะได้
ก็จะทำให้เราสามารถกำหนดพฤติกรรมในการดูแลบำรุงรักพืชผักผลไม้ของเราได้
อย่างพิถีพิถันรอบมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ไม่ใช้จ่ายไปกับปัจจัยการผลิตโดยไม่จำเป็นเพียงหวังว่าจะให้ได้ผลผลิตมากๆ
เช่นถ้าโดยถัวเฉลี่ยผลผลิตข้าวในเขตพื้นที่ชลประทานมีผลผลิตอยู่ 1
ตันต่อไร่และพอจะทราบราคาว่าอยู่ที่ประมาณ 6-7พันบาท
เราก็จะมีความระมัดระวังในการซื้อปุ๋ยยาหรือปัจจัยการผลิตอื่นๆที่ไม่ควรสูง
เที่ยบเท่ากับรายได้ที่จะรับเข้ามา
จะช่วยทำให้เรามีสติในการกำหนดต้นทุนปัจจัยการผลิตได้ดีขึ้นเมื่อมีการจด
บันทึกหรือทำบัญชี
ปัจจัยสำคัญด้านหนึ่งและถือเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญคือการดูแลบำรุงรักษาดิน
ให้ดีเหมือนกับดินตามป่าเขาลำเนาไพรจำแลงแปลงพื้นที่เพาะปลูกของเราให้
คล้ายๆกับเกาะบาหลีของประเทศอินโดนีเซียหรือพื้นที่รอบเกาะภูเขาไฟอื่นๆ
ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์สูงจากลาวาและเถ้าภูเขาไฟที่ผ่านความร้อนเป็นร้อยเป็น
พันองศาหลอมละลายแร่ธาตุและสารอาหารต่างๆออกมาเป็นประโยชน์ต่อพืชและสัตว์
อย่างเหลือคณานับ
จนเกษตรกรบนเกาะบาหลีสามารถเพาะปลูกพืชไร่ไม้ผลในรูปแบบเกษตรอินทรีย์เกษตร
ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติไม่ต้องฉีดพ่นปุ๋ยยาฆ่าแมลงแม้แต่นิดเดียว
ก็สามารถสร้างความสนใจแก่นักท่องเที่ยวทั่วโลกปีละเป็นแสนคนได้ไม่ยาก
หลักและวิธีการก็คือ
จะต้องหมั่นเติมอินทรีย์วัตถุสม่ำเสมอเหมือนใบไม้ที่ร่วงหล่นจากป่า
ไม่เผาตอซังฟางข้าว ไม่เผาเศษซากอินทรีย์วัตถุที่ได้จากการตัดแต่งกิ่ง
มีการตรวจวัดค่าความเป็นกรดและด่างของดินให้อยู่ระยะค่าพีเอช 5.8-6.3
ดูแลดินอย่าให้แน่นแข็งเป็นดาน. หรือจะใช้กลุ่มของหินแร่ภูเขาไฟในจำนวน
20-30
กิโลกรัมในพื้นที่ขาดแคลนอินทรีย์วัตถุมากๆต่อไร่ต่อรอบเก็บเกี่ยวผลผลิต
ฯลฯ เมื่อดินดี ชัยภูมิดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง
ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมไม่จำเป็นต้องไปซื้อปุ๋ยยาฮอร์โมนให้มากจนเกิน
ความจำเป็น สิ้นเปลืองต้นทุนจนเกินกว่าเหตุ
มนตรี บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น