วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การปลูกพืชปัจจัยที่สำคัญคือดิน ฉะนั้นจะทำอย่างไรให้ดินดี




เทคนิคและวิธีการต่างๆเยอะแยกมากมายในโลกอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับวิธีการปลูก พืชหรือประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำแล้วรวยทำแล้วมีเงินหรือทำแล้วไม่มีคำว่าขาด ทุน ต่างคนต่างก็มีวิธีการที่จะนำเสนอรูปแบบการปฏิบัติเพื่อให้พี่น้องเกษตรกร นั้นสามารถปลูกพืชแล้วได้ผลผลิตออกมาจำหน่ายจ่ายแจกได้จริง แต่น้อยคนนักเมื่อลงทุนลงแรงไปแล้วจะย้อนกลับไปทบทวนค่าดูแลบำรุงรักษา ค่าใช้จ่ายในการเก็บเกี่ยว การขนส่ง หักลบกลบหนี้แล้วเหลือกำไรมากน้อยเท่าใดนั้นจะมีสักกี่คนที่ทราบ เพราะได้เงินจากค้าขายผลผลิตแล้วก็แทบจะลืมเหน็ดเหนื่อย. เพื่อนบ้านมาถามมาแสดงความยินดีก็จะบอกแต่ด้านที่ดีมีกำไรสดใสสวยงาม นอกจากจะติดลบหนักจริงๆนั่นแหละจึงจะยอมบอกเพราะยอมจำนนต่อหลักฐานหรืออีก เหตุผลหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะนิสัยแบบไทยไทยเราที่ไม่อยากให้เพื่อนบ้านมี ความทุกข์ไปกับเราด้วยก็เป็นได้ครับ

การที่เราไม่ยอมทำบัญชีต้นทุนการผลิต การที่เราไม่ทำบัญชีครัวเรือนนี่แหละครับคือปัญหาสำคัญที่จะทำให้เรามีตีน ทุนการผลิตสูง เพราะจ้องแต่จะหาปุ๋ยยาฮอร์โมนชนิดดีมีโฆษณาถี่ๆ มาใช้ในเรือกสวนไร่นาจนเกินความจำเป็น ถ้าลองคำนวนวางแผนดูต้นทุนการผลิตให้ละเอียดถี่ถ้วน และกำหนดเป้าประะสงค์ของผลผลิตที่จะได้ ก็จะทำให้เราสามารถกำหนดพฤติกรรมในการดูแลบำรุงรักพืชผักผลไม้ของเราได้ อย่างพิถีพิถันรอบมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช้จ่ายไปกับปัจจัยการผลิตโดยไม่จำเป็นเพียงหวังว่าจะให้ได้ผลผลิตมากๆ เช่นถ้าโดยถัวเฉลี่ยผลผลิตข้าวในเขตพื้นที่ชลประทานมีผลผลิตอยู่ 1 ตันต่อไร่และพอจะทราบราคาว่าอยู่ที่ประมาณ 6-7พันบาท เราก็จะมีความระมัดระวังในการซื้อปุ๋ยยาหรือปัจจัยการผลิตอื่นๆที่ไม่ควรสูง เที่ยบเท่ากับรายได้ที่จะรับเข้ามา จะช่วยทำให้เรามีสติในการกำหนดต้นทุนปัจจัยการผลิตได้ดีขึ้นเมื่อมีการจด บันทึกหรือทำบัญชี

ปัจจัยสำคัญด้านหนึ่งและถือเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญคือการดูแลบำรุงรักษาดิน ให้ดีเหมือนกับดินตามป่าเขาลำเนาไพรจำแลงแปลงพื้นที่เพาะปลูกของเราให้ คล้ายๆกับเกาะบาหลีของประเทศอินโดนีเซียหรือพื้นที่รอบเกาะภูเขาไฟอื่นๆ ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์สูงจากลาวาและเถ้าภูเขาไฟที่ผ่านความร้อนเป็นร้อยเป็น พันองศาหลอมละลายแร่ธาตุและสารอาหารต่างๆออกมาเป็นประโยชน์ต่อพืชและสัตว์ อย่างเหลือคณานับ จนเกษตรกรบนเกาะบาหลีสามารถเพาะปลูกพืชไร่ไม้ผลในรูปแบบเกษตรอินทรีย์เกษตร ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติไม่ต้องฉีดพ่นปุ๋ยยาฆ่าแมลงแม้แต่นิดเดียว ก็สามารถสร้างความสนใจแก่นักท่องเที่ยวทั่วโลกปีละเป็นแสนคนได้ไม่ยาก หลักและวิธีการก็คือ จะต้องหมั่นเติมอินทรีย์วัตถุสม่ำเสมอเหมือนใบไม้ที่ร่วงหล่นจากป่า ไม่เผาตอซังฟางข้าว ไม่เผาเศษซากอินทรีย์วัตถุที่ได้จากการตัดแต่งกิ่ง มีการตรวจวัดค่าความเป็นกรดและด่างของดินให้อยู่ระยะค่าพีเอช 5.8-6.3 ดูแลดินอย่าให้แน่นแข็งเป็นดาน. หรือจะใช้กลุ่มของหินแร่ภูเขาไฟในจำนวน 20-30 กิโลกรัมในพื้นที่ขาดแคลนอินทรีย์วัตถุมากๆต่อไร่ต่อรอบเก็บเกี่ยวผลผลิต ฯลฯ เมื่อดินดี ชัยภูมิดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมไม่จำเป็นต้องไปซื้อปุ๋ยยาฮอร์โมนให้มากจนเกิน ความจำเป็น สิ้นเปลืองต้นทุนจนเกินกว่าเหตุ

มนตรี บุญจรัส

ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com

ไม่มีความคิดเห็น: