เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ผู้เขียนได้แนะนำเกี่ยวกับเรื่องการลดต้นทุนการทำนา
ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยเกษตรกรชาวนาในช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองยังไม่นึ่ง
ยังไม่มีรัฐบาลใหม่ เรื่องโครงการจำนำข้าวยังไม่ชัดเจน ราคาขายข้าวหน้าโรงสีต่ำ
สิ่งที่ทำได้ของชาวนาในตอนนี้คือต้องช่วยตัวเอง เมื่อราคาถูก
เราก็ต้องลดต้นทุนให้เหลือแค่ 2000-3000 บาท
ซึ่งทางผู้เขียนได้แนะนำการลดต้นทุนการทำนาตั้งแต่ การไม่เผาฟาง ,การใช้พันธุ์ข้าว 1-2 ถัง ต่อไร่, การทำให้ข้าวมีภูมิต้านทานโรคแมลงด้วยการใช้พูมิชซัลเฟอร์ บทความในตอนนี้จะเป็นวิธีการทำนาลดต้นทุนต่อจากตอนที่แล้ว
หลังจากที่ทำการหว่านข้าวแล้วก็จะใส่ปุ๋ยฉีดฮอร์โมน ตามที่เคยทำมา
วิธีการลดต้นทุนการทำนาหลังจากหว่านข้าวไปแล้ว
-
การลดต้นทุนค่าปุ๋ย
โดยการใช้ปุ๋ยน้อยลงโดยการใช้หินแร่ภูเขาไฟพูมิชซัลเฟอร์คลุกปุ๋ยเพื่อทำให้ปุ๋ยกลายเป็นปุ๋ยละลายช้า
เราสามารถลดต้นทุนค่าปุ๋ยลงไปได้เยอะ ยกตัวอย่างปกติเคยซื้อปุ๋ย 3 กระสอบ
มารอบนี้ซื้อปุ๋ย 2 กระสอบ พูมิชซัลเฟอร์ 1 กระสอบ
คลุกผสมกันแล้วนำไปหว่านในพื้นที่เท่าเดิม
ประสิทธิภาพรับรองว่าดีกว่าการใส่ปุ๋ยเคมีแต่เพียงอย่างเดียว เพราะพูมิชซัลเฟอร์จะช่วยให้ปุ๋ยที่ผสมกลายเป็นปุ๋ยละลายช้า
ทำให้ข้าวกินปุ๋ยแค่วันละพออิ่มไม่กินแบบตะกะตะกาม
ช่วยทำให้ข้าวมีอาหารกินยาวนานนับไปเลย 30-45 วันข้าวยังเขียวอยู่เลย ทำให้
การใส่ปุ๋ยรอบ 2 ช่วงข้าวอายุ 50-60 วันแทบไม่ต้องใส่เลยหรือใส่น้อยลง
ทำให้ลดต้นทุนค่าปุ๋ยใส่รอบ2 ไปได้อีก
และยังช่วยลดเรื่องการฉีดฮอร์โมนประหยัดเงินค่าฮอร์โมนไปได้อีก
-
|
การลดต้นทุนเรื่องค่าฮอร์โมนและยาฆ่าแมลง
จากการติดตามพฤติกรรมการทำนาของชาวนาบ้านเราผู้เขียนรู้สึก “งง” กับพฤติกรรมของชาวนาบ้านเรา ตั้งแต่เริ่มมีโครงการรับจำนำข้าว
ข้าวนาบ้านเราเริ่มมีพฤติกรรมการใช้ยาฮอร์โมน
สารเคมีที่มีราคาแพงจะเน้นยี่ห้อยาดังๆ
ทั้งที่ยาบางตัวชื่อสามัญเหมือนกันแต่ต่างแค่บริษัทที่ผลิตชาวนากลับเลือกยาที่มีราคาแพงมากกว่า
ทำให้ต้นทุนในการทำนาพุ่งสูงแตะ 8,000-10,000 บาท เลยทีเดียว
แต่เดี๋ยวนี้ถ้ายังคงยึดติดกับสารเคมีที่มีราคาแพงเช่นนี้ ต้นทุนการทำนาแบบนี้
บอกได้คำเดียวว่า ตายแน่ๆครับ การลดต้นทุนเรื่องยาฆ่าแมลง
ทางชมรมเกษตรปลอดสารพิษจะส่งเสริมให้เกษตรกร ใช้จุลินทรีย์และสารสมุนไพรในการป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูข้าว
เช่นปัญหาเรื่องโรคเชื้อราในข้าวต่างๆไม่ว่าจะเป็น โรคใบไหม้ ใบจุด เน่าคอรวง
เมล็ดด่างเมล็ดลาย ให้ใช้จุลินทรีย์ที่ชื่อว่า พลายแก้ว
ซึ่งสามารถหมักขยายเชื้อได้เพียงใช้เชื้อแค่ 5-10 กรัมก็สามารถฉีดได้3-5
ไร่เลยที่เดียว เช่นเดียวกับแมลงศัตรูข้าว เช่นหนอน เพลี้ย ต่างๆก็มีจุลินทรีย์ที่ชื่อ
ทริปโตฝาจ ในการป้องกันกำจัด
ใช้จุลินทรีย์ทริปโตฝาจแค่ตัวเดียวก็สามารถกำจัดได้ทั้งเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
หนอนใบขาว หนอนกอ ได้เลย และเราสามารถใช้สมุนไพรในท้องทุนที่หาได้ เช่น เมล็ดสะเดา
บอระเพชร ฟ้าทะลายโจร ขมิ้นชั้นต่างๆมาใช้ร่วมกับจุลินทรีย์เพื่อเป็นการเสริมฤทธิ์ช่วยป้องกันขัยไล่แมลงได้ผลค่อนข้างดี
วิธีการทำนาที่กล่าวมาข้างต้นตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้เป็นวิธีการทำนาที่ทำได้จริง
เป็นวิธีที่จะช่วยให้ชาวนาอยู่ได้ ช่วยให้ชาวนายืนด้วยลำแข้งตัวเอง
ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยใครในยามที่บ้านเมืองวุ่นวาย ผู้เขียนอยากให้เกษตรกรชาวนาบ้านเราช่วยเหลือตัวเองให้ได้ก่อนในเวลานี้
วิธีที่ช่วยเหลือตัวเองได้ในตอนนี้ก็คือลดต้นทุนการทำนาลงเพื่อสู้กับราคาข้าวที่ตกต่ำ
สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการลดต้นทุนการทำนาได้ที่
คุณจตุโชค จันทรภูมี(ผู้เขียน) โทร.085-9205846 หรือสอบถามได้ที่เจ้าหน้าที่ของชมรมเกษตรปลอดสารพิษ
โทร.02-9861680-2
เขียนและรายงานโดย : นายจตุโชค จันทรภูมี
สอบถามเพิ่มเติมที่
02-9861680-2 หรือ www.thaigreenagro.com
เขียนและรายงานเมื่อวันพุธที่
07 มีนาคม 2557
|
บล็อกนี้เขียนขึ้นเพื่อเสนอผลงาน แนวทาง ทางเลือกใหม่ ในการทำการเกษตรแบบปลอดสารพิษ ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ยึดหลักความรับผิดชอบต่อสังคมผสมผสานกับการพาณิชย์ กล่าวคือ ช่วยเหลือให้คำปรึกษา แนะนำชี้ทางถูกผิด 30% ผสมผสานงานขาย 70% เพื่อความคงอยู่ขององค์กรหรือหน่วยงานต้นสังกัดกล่าวคือชมรมเกษตรปลอดสารพิษ ปรัชญาประจำตัวคือ "ทุกแนวคิด ทุกคำตอบ ทุกงานวิชาการ เพื่อเกษตรกรไทย"สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:คุณเอกรินทร์ ช่วยชู โทร.081-3983128
วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557
ลดต้นทุนการทำนา ทางรอดเดียวของชาวนาในยามนี้ ตอนที่ 2
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น