อดีตถึงปัจจุบันกว่า 50
ปีโลกใบนี้เปลี่ยนแปลงอะไรต่อมิอะไรไปมากมาย วิถีการดำเนินชีวิตใหม่
จากที่เคยใช้แรงงานสัตว์หันมาใช้เครื่องจักรกลเกษตรแทน มีระบบชลประทาน มีปุ๋ยเคมี
มียาฆ่าแมลงที่เป็นเคมี มากจนยากที่จะเจียระไนให้สะอาด จนต้องผลักให้ประเทศด้อยพัฒนารับกรรมแทนไป
ไทยก็อีกประเทศหนึ่งที่กำลังเจอผลกระทบอยู่
โดยมหาอำนาจวางกุศโลบายยกย่องให้เป็นอู่ข้าวอู่น้ำเลี้ยงชาวโลก
ฟังแล้วชั่งน่าภาคภูมิใจแทนเกษตรกรเสียเหลือเกิน
|
นอกจากจะได้เป็นกระดูกสันหลังของชาติ(ไทย)แล้ว
ยังได้รับการยกย่องให้เป็นครัวโลก
ตรงกับเนื้อเพลงที่ว่า"กสิกรแข็งขันเป็นกระดูกสันหลังของชาติ
ไทยจะเรืองอำนาจเพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม"
หนึ่งในความภาคภูมิใจของเกษตรกรและตัวเลขส่งออกที่สามารถขยายตลาดได้มากขึ้น
ประเทศไทยส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรมากติดอันดับ 1ใน 5 ของสินค้าส่งออกทั้งหมด
แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยกับตัวเลขการเจ็บป่วยของเกษตรกรที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
ซึ่งส่วนใหญ่จะป่วยเรื้อรังและมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง
ผู้เขียนเชื่อว่าหลายคนคงรู้จักผักปลอดสารพิษ
ผักอินทรีย์ ซึ่งผักเหล่านี้เป็นผลผลิตจากการทำเกษตรโดยใช้ธรรมชาติปกป้องธรรมชาติ
ไม่ใช้เคมีที่เป็นพิษต่อพืชหรือสัตว์
การผลิตอาหารให้ปลอดภัยไร้สารพิษจะต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ผลิต ผู้บริโภค
โดยเริ่มจากปลูกที่ทานเองในครัวเรือน
เหลือค่อยแจกจ่ายหรือจำหน่ายโดยไม่ต้องอาศัยคนกลาง
เมื่อผู้บริโภคกับผู้ผลิตมีโอกาสพูดคุยกันโดยตรง
ทำให้ทราบถึงความต้องการของผู้ซื้อ ความยากง่ายในการผลิต
สามารถจะวางแผนการผลิตล่วงหน้าเป็นรายเดือนรายปี
เพื่อรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเช่น ภัยแล้งทำให้พืชผลไม่ออกเท่าที่ควร
มันอาจเป็นจุดเล็กๆของปัญหาก็จริงอยู่ แต่ก็ไม่ควรมองข้ามหากเราต้องการเปิดประตูเข้าสู่AEC
เพื่อต่อสู้กับเกษตรเคมี
ท่ามกลางบรรยากาศที่อึมครึมไปด้วยสารพิษที่กำลังลอยอยู่ทั่วในชั้นบรรยากาศ
ชัยชนะก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อมติที่ประชุมรัฐบาล (พฤศจิกายน 2555)ได้มีการห้ามนำเข้าสารเคมีอันตราย
4 ชนิด ซึ่งได้แก่ ไดโครโดฟอส, เมโทบิล (แลนเนท),
คาร์โบฟูราน (ฟูราดาน)และอีพีเอ็น(คูมิฟอ)เข้ามาในประเทศไทย
และเห็นว่านอกจากนี้รัฐบาลยังกำหนดนโยบายสนับสนุนให้ปลูกผักปลอดสารพิษเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ผู้เขียนหวังว่ารัฐบาลทุกรัฐบาลคงดำเนินการตามสัญญาหรือนโยบายที่ให้ไว้ภายใต้ตราครุฑนะครับ
ประเทศไทยจะได้รอดพ้นจากเคมีเกษตรเสียที ไม่เป็นถังรองรับขยะให้มหาอำนาจอีกต่อไป
ท่านใดสนใจแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือเสนอแนวคิดเพิ่มเติมติดต่อได้ที่โทร. 081-3983128
(ผู้เขียน)
เขียนและรายงานโดย : คุณเอกรินทร์ ช่วยชู (นักวิชาการชมรมฯ)
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
วันที่ 28 มีนาคม 2557 เสนอแนะติชมได้ที่ email
: thaigreenagro@gmail.com
|
บล็อกนี้เขียนขึ้นเพื่อเสนอผลงาน แนวทาง ทางเลือกใหม่ ในการทำการเกษตรแบบปลอดสารพิษ ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ยึดหลักความรับผิดชอบต่อสังคมผสมผสานกับการพาณิชย์ กล่าวคือ ช่วยเหลือให้คำปรึกษา แนะนำชี้ทางถูกผิด 30% ผสมผสานงานขาย 70% เพื่อความคงอยู่ขององค์กรหรือหน่วยงานต้นสังกัดกล่าวคือชมรมเกษตรปลอดสารพิษ ปรัชญาประจำตัวคือ "ทุกแนวคิด ทุกคำตอบ ทุกงานวิชาการ เพื่อเกษตรกรไทย"สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:คุณเอกรินทร์ ช่วยชู โทร.081-3983128
วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557
มั่งคั่งแต่ไร้ซึ่งความมั่นคง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น