วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557

มั่งคั่งแต่ไร้ซึ่งความมั่นคง

อดีตถึงปัจจุบันกว่า 50 ปีโลกใบนี้เปลี่ยนแปลงอะไรต่อมิอะไรไปมากมาย วิถีการดำเนินชีวิตใหม่ จากที่เคยใช้แรงงานสัตว์หันมาใช้เครื่องจักรกลเกษตรแทน มีระบบชลประทาน มีปุ๋ยเคมี มียาฆ่าแมลงที่เป็นเคมี มากจนยากที่จะเจียระไนให้สะอาด จนต้องผลักให้ประเทศด้อยพัฒนารับกรรมแทนไป ไทยก็อีกประเทศหนึ่งที่กำลังเจอผลกระทบอยู่ โดยมหาอำนาจวางกุศโลบายยกย่องให้เป็นอู่ข้าวอู่น้ำเลี้ยงชาวโลก ฟังแล้วชั่งน่าภาคภูมิใจแทนเกษตรกรเสียเหลือเกิน

นอกจากจะได้เป็นกระดูกสันหลังของชาติ(ไทย)แล้ว ยังได้รับการยกย่องให้เป็นครัวโลก ตรงกับเนื้อเพลงที่ว่า"กสิกรแข็งขันเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ไทยจะเรืองอำนาจเพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม" หนึ่งในความภาคภูมิใจของเกษตรกรและตัวเลขส่งออกที่สามารถขยายตลาดได้มากขึ้น ประเทศไทยส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรมากติดอันดับ 1ใน 5 ของสินค้าส่งออกทั้งหมด แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยกับตัวเลขการเจ็บป่วยของเกษตรกรที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ซึ่งส่วนใหญ่จะป่วยเรื้อรังและมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง

ผู้เขียนเชื่อว่าหลายคนคงรู้จักผักปลอดสารพิษ ผักอินทรีย์ ซึ่งผักเหล่านี้เป็นผลผลิตจากการทำเกษตรโดยใช้ธรรมชาติปกป้องธรรมชาติ ไม่ใช้เคมีที่เป็นพิษต่อพืชหรือสัตว์ การผลิตอาหารให้ปลอดภัยไร้สารพิษจะต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ผลิต ผู้บริโภค โดยเริ่มจากปลูกที่ทานเองในครัวเรือน เหลือค่อยแจกจ่ายหรือจำหน่ายโดยไม่ต้องอาศัยคนกลาง เมื่อผู้บริโภคกับผู้ผลิตมีโอกาสพูดคุยกันโดยตรง ทำให้ทราบถึงความต้องการของผู้ซื้อ ความยากง่ายในการผลิต สามารถจะวางแผนการผลิตล่วงหน้าเป็นรายเดือนรายปี เพื่อรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเช่น ภัยแล้งทำให้พืชผลไม่ออกเท่าที่ควร มันอาจเป็นจุดเล็กๆของปัญหาก็จริงอยู่ แต่ก็ไม่ควรมองข้ามหากเราต้องการเปิดประตูเข้าสู่AEC เพื่อต่อสู้กับเกษตรเคมี

ท่ามกลางบรรยากาศที่อึมครึมไปด้วยสารพิษที่กำลังลอยอยู่ทั่วในชั้นบรรยากาศ ชัยชนะก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อมติที่ประชุมรัฐบาล (พฤศจิกายน 2555)ได้มีการห้ามนำเข้าสารเคมีอันตราย 4 ชนิด ซึ่งได้แก่ ไดโครโดฟอส, เมโทบิล (แลนเนท), คาร์โบฟูราน (ฟูราดาน)และอีพีเอ็น(คูมิฟอ)เข้ามาในประเทศไทย และเห็นว่านอกจากนี้รัฐบาลยังกำหนดนโยบายสนับสนุนให้ปลูกผักปลอดสารพิษเพิ่มขึ้นอีกด้วย ผู้เขียนหวังว่ารัฐบาลทุกรัฐบาลคงดำเนินการตามสัญญาหรือนโยบายที่ให้ไว้ภายใต้ตราครุฑนะครับ ประเทศไทยจะได้รอดพ้นจากเคมีเกษตรเสียที ไม่เป็นถังรองรับขยะให้มหาอำนาจอีกต่อไป ท่านใดสนใจแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือเสนอแนวคิดเพิ่มเติมติดต่อได้ที่โทร. 081-3983128 (ผู้เขียน)

เขียนและรายงานโดย : คุณเอกรินทร์  ช่วยชู (นักวิชาการชมรมฯ)
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ  www.thaigreenagro.com
วันที่ 28 มีนาคม 2557 เสนอแนะติชมได้ที่ email : thaigreenagro@gmail.com

ไม่มีความคิดเห็น: